สัปดาห์ที่ผ่านมา จีนจัดการประชุมสองสภา ซึ่งเป็นการประชุมทางการเมืองระดับชาติที่สำคัญของจีนที่จะกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศโดยการประชุมประจำปีของคณะกรรมการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC)ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงสุดของจีน เริ่มขึ้นในวันอังคารที่4 มี.ค. ส่วนการประชุมของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติระดับสูงสุด จะเริ่มขึ้นในวันพุธที่ 5 มี.ค.
นายกรัฐมนตรีของจีน สมาชิกสภานิติบัญญัติระดับสูง ที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูง รวมถึงหัวหน้าศาลประชาชนสูงสุดและอัยการประชาชนสูงสุดจะนำเสนอรายงานการปฏิบัติงานโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติจะทบทวนงบประมาณประจำปีและแผนการพัฒนาของรัฐบาล พร้อมพิจารณาแก้ไขร่างกฎหมายว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติและสภาผู้แทนประชาชนท้องถิ่น
ช่วงนอกรอบการประชุม หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในหลากหลายประเด็นน่าสนใจ จึงขอหยิบยกนำให้ผู้อ่านได้ติดตามกัน
ประวัติศาสตร์และความจริงยืนยัน “ไต้หวัน” เป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกของจีน
หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงข่าวนอกรอบการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติว่า ประวัติศาสตร์และความจริงยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่มิอาจแบ่งแยกได้ของจีน และปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 80 ปี การฟื้นฟูไต้หวัน
หวัง อี้ กล่าวว่า ชัยชนะจากสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนทำให้ไต้หวันกลับมาอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของจีนในปี 1945ขณะทั้งปฏิญญาไคโรและปฏิญญาพอตส์ดัม ซึ่งออกโดยกลุ่มประเทศชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ระบุชัดเจนว่าไต้หวันเป็นดินแดนที่ญี่ปุ่นขโมยจากจีนและต้องคืนสู่จีน โดยญี่ปุ่นยอมรับเงื่อนไขของปฏิญญาพอตส์ดัมและประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งหมดนี้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศยุคหลังสงคราม
ข้อมติที่ 2758 ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติรับรองในปี 1971 ได้แก้ไขประเด็นการเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด รวมถึงไต้หวัน ในองค์การสหประชาชาติ และตัดความเป็นไปได้ในการสร้าง “สองจีน” หรือ “จีนเดียวไต้หวันเดียว” โดยการอ้างอิงถึงภูมิภาคไต้หวันในองค์การสหประชาชาติคือ “ไต้หวัน มณฑลของจีน” ดังนั้นไต้หวันไม่เคยเป็นประเทศ ไม่ว่าในอดีตหรืออนาคต
ขณะการเรียกร้อง “เอกราชไต้หวัน” เท่ากับแบ่งแยกประเทศ การสนับสนุน “เอกราชไต้หวัน” เท่ากับแทรกแซงกิจการภายในของจีน และการสมรู้ร่วมคิดเกี่ยวกับ “เอกราชไต้หวัน” เท่ากับบ่อนทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน
หวัง อี้ เน้นย้ำ การเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศ ควรหมายถึงการสนับสนุนการรวมประเทศอย่างสมบูรณ์ของจีน และการยึดมั่นหลักการจีนเดียวควรหมายถึงการต่อต้าน “เอกราชไต้หวัน” ทุกรูปแบบ ส่วนการแสวงหา “เอกราชไต้หวัน” จะประสบกับผลกระทบย้อนกลับและการใช้ไต้หวันควบคุมจีนจะเป็นความพยายามที่ไร้ผล เพราะจีนจะบรรลุการรวมชาติ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้
จีนเดินหน้าบทบาทสร้างสรรค์ในการคลี่คลาย “วิกฤตยูเครน”
หวัง อี้ แถลงว่า จีนพร้อมทำงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อเดินหน้าบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการแก้ไขวิกฤตยูเครนและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงเจตจำนงของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
หวัง อี้ กล่าวว่า จีนยินดีและสนับสนุนทุกความพยายามสร้างสันติภาพ โต๊ะเจรจาคือพื้นที่ยุติความขัดแย้งและเริ่มต้นสันติภาพ โดยสิ่งสำคัญคือการตระหนักถึงความซับซ้อนของสาเหตุแห่งความขัดแย้งนี้ และทุกฝ่ายควรร่วมกันพยายามบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่เป็นธรรมและยั่งยืน แม้มีจุดยืนที่ไม่ตรงกันอย่างสมบูรณ์
หวัง อี้ เน้นย้ำว่า ทุกฝ่ายควรเรียนรู้บางสิ่งจากวิกฤตนี้ ความมั่นคงควรเป็นสิ่งที่มีร่วมกันอย่างเท่าเทียม ไม่ควรมีประเทศใดสร้างความมั่นคงของตนเองบนความไม่มั่นคงของประเทศอื่น โดยเราควรสนับสนุนและปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ใหม่ของความมั่นคงที่มีร่วมกัน ครอบคลุม พร้อมร่วมมือ และยั่งยืน นั่นคือหนทางสู่สันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนในทวีปยูเรเชียและทั่วโลกอย่างแท้จริง
ยืนยันสายสัมพันธ์ จีน-รัสเซีย จะไม่สั่นคลอน
หวัง อี้ ยังย้ำว่า ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียที่เติบโตเต็มที่ แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพ จะไม่ถูกสั่นคลอนด้วยสถานการณ์ใดๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะไม่ถูกแทรกแซงจากบุคคลที่สาม
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่านายหวัง กล่าวว่าความสัมพันธ์จีน-รัสเซียมีความมั่นคงในโลกที่วุ่นวาย มิผันแปรตามเกมภูมิรัฐศาสตร์ และไม่ว่าภูมิทัศน์ระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรตรรกะทางประวัติศาสตร์ของมิตรภาพจีน-รัสเซียจะไม่แปรเปลี่ยน และพลังขับเคลื่อนภายในจะไม่ลดน้อยถอยลง
จีนและรัสเซียได้ค้นพบวิถีทางการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ปะทะคะคาน และไม่มุ่งเป้าไปยังบุคคลที่สาม” โดยนี่เป็นความพยายามในการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่รูปแบบใหม่และเป็นตัวอย่างอันดีของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
จีนยังคงเชื่อมั่นใน “ยุโรป”
ในส่วนของความสัมพันธ์กับยุโรป หวัง อี้ แถลงว่า จีนยังคงเชื่อมั่นในยุโรปและเชื่อว่ายุโรปสามารถเป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือ โดยทั้งสองฝ่ายจะสามารถแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างอย่างเหมาะสม
หวัง อี้ กล่าวว่า ปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับสหภาพยุโรป (EU)ซึ่งในความสัมพันธ์อายุครึ่งศตวรรษนี้สินทรัพย์อันมีค่าที่สุดคือความเคารพซึ่งกันและกัน แรงกระตุ้นอันทรงพลังที่สุดคือผลประโยชน์ร่วมกันฉันทามติอันเห็นพ้องต้องกันที่สุดคือพหุภาคี และลักษณะเฉพาะอันถูกต้องที่สุดคือความเป็นหุ้นส่วน
การค้าจีน-สหภาพยุโรปในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมาขยายตัวจาก 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.08 หมื่นล้านบาท) เป็น 7.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26 ล้านล้านบาท)การลงทุนเพิ่มขึ้นจากเกือบศูนย์เป็นเกือบ 2.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 8.7 ล้านล้านบาท) และรถไฟสินค้าจีน-ยุโรปวิ่งมากกว่า 1 แสนเที่ยว กลายเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมเอเชียกับยุโรป
ช่วง 50 ปีที่ผ่านมา จีนและสหภาพยุโรปมีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจโลกเติบโตมากกว่าหนึ่งในสาม และความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายมีคุณค่าเชิงยุทธศาสตร์และอิทธิพลระดับโลกยิ่งขึ้นโดยความสัมพันธ์อันดีมีเสถียรภาพจะช่วยยกระดับทั้งสองฝ่ายและสร้างโลกที่รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น
หวัง อี้ เสริมว่า จีนและสหภาพยุโรปมีความสามารถและสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างอยู่อย่างเหมาะสมผ่านการปรึกษาหารือฉันมิตรและร่วมกันเดินหน้าสู่อีก 50 ปีแห่งความสำเร็จสมหวัง
ร่วมสร้างประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน
หวัง อี้ ปิดท้ายด้วยการกล่าวเรียกร้องการสร้างประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกัน พร้อมชี้ว่า นานาประเทศกว่า 100 แห่ง สนับสนุนแผนริเริ่มระดับโลก 3 แผน ได้แก่ แผนริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (GDI) แผนริเริ่มความมั่นคงระดับโลก (GSI) และแผนริเริ่มอารยธรรมระดับโลก (GCI)ขณะเดียวกันมากกว่าสามในสี่ของประเทศทั่วโลกเข้าร่วมความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI)
หวัง อี้ ตอบคำถามเกี่ยวกับอิทธิพลของนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ของสหรัฐฯ ระหว่างการแถลงข่าวนอกรอบการประชุมสภานิติบัญญัติระดับชาติว่า หากทุกประเทศเน้นย้ำ “ประเทศของฉันมาก่อน” และหมกมุ่นกับตำแหน่งความแข็งแกร่งจะส่งผลให้ “กฎแห่งป่า” หรือกฎผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดกลับมาครอบงำโลกอีกครั้ง ประเทศเล็กและอ่อนแอกว่าต้องรับผลกระทบหนักก่อนใคร บรรทัดฐานและระเบียบระหว่างประเทศจะถูกบ่อนทำลายร้ายแรง
หวัง อี้ กล่าวว่า ประเทศใหญ่ควรปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศและรับผิดชอบตามหน้าที่อย่างเต็มกำลัง โดยประวัติศาสตร์จะพิสูจน์ว่าผู้ชนะที่แท้จริงคือผู้คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเสมอ และประชาคมมนุษยชาติที่มีอนาคตร่วมกันจะรับรองว่าโลกนี้เป็นของทุกประเทศและทุกคนจะมีอนาคตที่สดใส
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี