วันไตโลก (World Kidney Day) ถูกกำหนดให้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่สองของเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของไตและแนวทางการป้องกันโรคไต เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคไตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือ หลายคนไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังป่วย จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งต้องพึ่งพาการฟอกไตหรือรอรับการปลูกถ่ายไตเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป
นายแพทย์พิชิต เบ็ญจสุพัฒนนันท์อายุรแพทย์โรคไต โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคไตเป็นภาวะที่ไตทำงานผิดปกติจนไม่สามารถกรองของเสียและของเหลวออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ของเสียสะสมในร่างกาย ที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และภาวะไตวาย
นพ.พิชิต เบ็ญจสุพัฒนนันท์
โรคไตวายแบ่งเป็น 2 ประเภท ไตวายเฉียบพลัน เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด เริ่มจากปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ปัสสาวะเลย มีอาการบวมที่ขาและเท้าเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน มึนงงอ่อนเพลีย นอกจากนี้อาจมีอาการปวดหลังบริเวณชายโครง และหายใจถี่ร่วมด้วย ในกรณีที่อาการรุนแรง อาจชักหรือหมดสติ เข้าสู่ภาวะโคม่าแบบเฉียบพลัน
ไตวายเรื้อรัง เป็นภาวะที่ไตทำงานลดลงมาเป็นระยะเวลาหลายปีซึ่งแบ่งเป็น 5 ระยะ ดังนี้ ไตวายเรื้อรังระยะที่ 1 ไตยังทำงานได้ตามปกติ แต่พบความผิดปกติบางอย่างเช่น ตรวจพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ หรือพบเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ ไตวายเรื้อรังระยะที่ 2 หรือโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้นซึ่งไตจะทำงานได้ 60-90% ไตวายเรื้อรังระยะที่ 3 หรือโรคไตเรื้อรังระยะปานกลาง ไตจะทำงานได้ 30-60% ไตวายเรื้อรังระยะที่ 4 หรือโรคไตเรื้อรังระยะรุนแรง ไตจะทำงานได้แค่ 15-30% และโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ไตทำงานได้น้อยกว่า 15% ไม่สามารถขับของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น น้ำหนักลดผิดปกติ ปัสสาวะบกพร่อง โลหิตจาง ระบบประสาทผิดปกติ หรือภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
อาการของโรคไตมักไม่แสดงอาการในระยะแรก เมื่อไตเสื่อมลง อาจมีสัญญาณเตือนสำคัญ เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อยขึ้น, ปัสสาวะน้อยลง, มีฟองมากหรือมีเลือดปน อาการบวมที่ขา เท้า หรือใบหน้าเนื่องจากการคั่งของของเหลว คันตามผิวหนังโดยไม่มีสาเหตุ ปวดหลังบริเวณไต รวมถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ต้องพึ่งการฟอกไตหรือปลูกถ่ายไต
การรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายจะไม่สามารถรักษาได้ด้วยการคุมอาหารและกินยาเหมือนโรคไตเรื้อรังระยะอื่นๆ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตร่วมด้วย ซึ่งมี 3 วิธี คือ ล้างไตทางช่องท้อง คือการใช้สายยางฝังไว้ในช่องท้องแบบถาวรและใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้อง เพื่อฟอกของเสียในเลือดออก รวมถึงปรับสมดุลของน้ำ เกลือแร่ และสารเคมีต่างๆ โดยต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำยาทุกวัน วันละ 4-6 ครั้ง สามารถทำเองได้ที่บ้าน แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีเพื่อลดโอกาสติดเชื้อในช่องท้อง
ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม คือการนำเลือดของผู้ป่วยออกจากร่างกายด้วยการแทงเข็มเข้าเส้นเลือดแล้วต่อกับท่อไปยังตัวกรองเพื่อให้เลือดสะอาดและปรับสมดุลแร่ธาตุต่างๆ เครื่องไตเทียมจะนำเลือดกลับเข้าสู่ร่างกายตามเดิม โดยกระบวนการฟอกเลือดนี้จะใช้เวลาครั้งละประมาณ
4 ชั่วโมง โดยผู้ป่วยจะต้องมารับการฟอกเลือดที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละ2-3 ครั้ง
ปลูกถ่ายไต คือการผ่าตัดนำไตของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคจากผู้ที่เสียชีวิตแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ มาทำหน้าที่แทนไตเดิมของผู้ป่วย โดยวางไตใหม่ไว้ในอุ้งเชิงกรานแล้วต่อเข้ากับกระเพาะปัสสาวะและหลอดเลือดของผู้ป่วย ถ้าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ ผู้ป่วยจะไม่ต้องบำบัดด้วยการฟอกไตอีกต่อไป แต่จำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิไปตลอดชีวิตเพื่อป้องกันร่างกายต่อต้านไตใหม่ หรือที่เรียกว่าภาวะสลัดไต โดยวิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่ร่างกายแข็งแรง ไม่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะติดเชื้อและไม่มีโรคหัวใจรุนแรง
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายแต่ละรายอาจใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน เนื่องจากผู้ป่วยมักมีโรคอื่นร่วมด้วย จึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและประเมินจากอายุรแพทย์โรคไต เพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสม
สำหรับการป้องกันโรคไตเรื้อรังสามารถทำได้โดย ควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง, หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็มจัด, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดื่มน้ำให้เพียงพอ นอกจากนี้การหลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เป็นเวลานาน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อไตเสื่อมได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี