สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ติดตามโครงการพัฒนาความเป็นเลิศฯ ม.ทักษิณ ชี้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีทิศทาง-นโยบายการพัฒนาอย่างเป็นระบบ สอดรับกันทุกกิจกรรม พร้อมขับเคลื่อนสู่การพลิกโฉมมหาวิทยาลัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนา อว. สำนักงานปลัดกระทรวง อว. พร้อมด้วย รศ.ศักดิ์เกษม ระมิงค์วงศ์ ผศ.ศจี ศิริไกร และ ผศ.ไชยยันต์ ชนะพรมมา ผู้แทนคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดสถาบันอุดมศึกษา กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและพัฒนากำลังคนขั้นสูง (Reinventing University) ประจำปีงบประมาณ 2567 ของมหาวิทยาลัยทักษิณ ณ วิทยาเขตพัทลุง โดยมี รศ.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดี รศ.สมัคร แก้วสุกแสง รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม รศ.สุทธิพร บุญมาก รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและการเรียนรู้ ให้การต้อนรับ
รศ.ณฐพงศ์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยทักษิณมีนโยบายมุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยนวัตกรรมสังคมระดับแนวหน้าของประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านการจัดการศึกษา การวิจัย การสร้างนวัตกรรมสังคม และการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมีนโยบายส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ (Research Utilization) การสร้างผลประโยชน์ร่วมจากงานวิจัยในอนาคต (Tech Seeker/ Tech Provider) สร้างความเชื่อมโยงและการส่งต่อข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมในทุกระดับ มีระบบส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจและการประกอบการ (TSU-BEST) การพัฒนาอาจารย์/นักวิจัยที่มีทักษะสูงตอบโจทย์อุตสาหกรรม และ Reskills, Upskills, New skills แรงงานในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการพัฒนาระบบและกลไกความร่วมมือเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมกับภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรม (TSU Industry Linkage) ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะสอดรับกับเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยในกลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม
ด้าน ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยทักษิณได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อพลิกโฉมมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 ในปีงบประมาณ 2566 มีการเพิ่มสมรรถนะและระบบนิเวศสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยทักษิณ สู่การใช้ประโยชน์และขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรม ซึ่งได้ปรับปรุงโครงสร้าง บทบาทและหน้าที่ของการดำเนินงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น และในปีงบประมาณ 2567 มหาวิทยาลัยทักษิณพัฒนาระบบกลไกเพื่อพัฒนาด้านการเร่งพัฒนาธุรกิจและผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีผ่านการจัดตั้งศูนย์ Business Acceleration Platform หรือ TSU-BAC เพื่อเสริมการนำองค์ความรู้เฉพาะด้านจากอาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษาไปสู่การลงทุนในธุรกิจวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยตามจุดเน้นของมหาวิทยาลัยเพื่อการส่งเสริมธุรกิจในด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากงานหัตถกรรม (Craft) อาหาร (Cuisine) ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชม (Community-based Tourism Business) และด้านวัฒนธรรม (Cultural) สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาผู้ประกอบการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจทั้งระดับท้องถิ่นและระดับภาคใต้ รวมทั้งการผลิตและพัฒนาบัณฑิตที่มีคุณภาพสูงตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้และรองรับการพัฒนาในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลจากการดำเนินงานโครงการในปีงบประมาณ 2567 ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะในด้านการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ การพัฒนาผู้ประกอบการ และการเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งนำไปสู่ผลตอบแทนทางสังคมที่ชัดเจนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว คำนวณมูลค่าผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจาการถ่ายทอดทรัพย์สินทางปัญญา (IP Licensing) ประมาณ 893,567 บาท/ผลงาน ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบและธุรกิจนวัตกรรม มีมูลค่า 500,000 บาท ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาผู้ประกอบการและแรงงานในพื้นที่ การฝึกอบรมและ Upskill/Reskill สำหรับภาคอุตสาหกรรม มีมูลค่าประมาณ 1,000,000 บาท ผลกระทบทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมที่สร้างผลลัพธ์ในระยะยาวผลตอบแทนที่เกิดขึ้น จากการขยายเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ การเชื่อมโยงกับบริษัทเอกชนและนักลงทุนเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ มีมูลค่าประมาณ 2,500,000 บาท
ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยทักษิณ คือ การยกระดับทักษะการเป็นผู้ประกอบการ (TSU Top Up Skill Entrepreneurship) โดยการพัฒนาหลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาการที่มีโครงสร้างวิชาเอกและวิชาโทที่เน้นทักษะการเป็นผู้ประกอบการที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติหลักสูตรจากสภามหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว จำนวน 11 หลักสูตร และวิชาโทที่เน้นการพัฒนาทักษะผู้ประกอบการ จำนวน 26 วิชาโท การส่งเสริมให้อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรมีความรู้ความเข้าใจเพื่อเป็นต้นแบบในการสานต่อให้นักศึกษามีทักษะการเป็นผู้ประกอบการผ่านการออกนิเทศสหกิจศึกษา สหกิจศึกษาประกอบการ และการบ่มเพาะประกอบการ การพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการของนักศึกษาโดยการ Top up Skill ผ่านการเรียนวิชาโทที่เน้นทักษะการเป็นผู้ประกอบการ จำนวน 26 วิชาโท ที่มหาวิทยาลัยพัฒนาขึ้น นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ในการจัดการศึกษาสหกิจประกอบการและการบ่มเพาะการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นิสิตเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Pace Leaning) และแพลตฟอร์มในการสนับสนุนการลงทะเบียนเพื่อเลือกเรียนรายวิชาโท และระบบการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้เพื่อออกใบรับรองทักษะ (Skill Transcript)
“ทั้งนี้ ตนและคณะกรรมการฯ เห็นว่า มหาวิทยาลัยทักษิณมีทิศทางและนโยบายการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมอย่างเป็นระบบและสอดรับกันทุกกิจกรรมและเกิดการขับเคลื่อนสู่การพลิกโฉมมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบบริหารจัดการด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนความเป็นผู้ประกอบการ (ต้นน้ำ) และการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (กลางน้ำ) และเชื่อมต่อกับการเร่งพัฒนาธุรกิจ (ปลายน้ำ) เพื่อขับเคลื่อนให้มหาวิทยาลัยไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม และสร้างความเป็นเลิศให้กับมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังส่งผลตอบแทนและผลกระทบในเชิงนโยบาย วิชาการ เศรษฐกิจ และสังคม และได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรนำหลักสูตรการเรียนการสอนด้านความเป็นผู้ประกอบการที่ได้ดำเนินการนี้ บรรจุเข้าสู่ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตามนโยบายการพัฒนากำลังคนและการเรียนรู้ตลอดชีวิตของกระทรวง อว.” ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ กล่าว
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี