พระเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา
การที่รัฐบาลไทย ได้ร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐาน ณ ลานท้องสนามหลวง เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสการครบรอบ ๕๐ ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยเปิดให้ประชาชนสักการะระหว่างวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๗-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ รวมเป็นเวลา ๗๓ วัน และร่วมกันอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ นั้น ทำให้ทุกคนพากันศรัทธาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)ที่ประดิษฐาน ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นเชื่อว่าเป็นพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้ายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเดิมประดิษฐาน ณ แคว้นคันธาระ ต่อมาได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอัน (ชีอาน) สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพระภิกษุฟาเหียน เมื่อคราวจาริกไปสืบพระศาสนายังอินเดีย ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้วองค์นี้ไปประดิษฐาน ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ลักษณะองค์พระเขี้ยวแก้วมีความยาวประมาณ ๑ นิ้ว ประดิษฐานในพระสถูปทองคำประดับอัญมณีล้ำค่าตามลักษณะศิลปกรรมแบบจีน ด้วยเป็นพระเขี้ยวแก้ว ๑ ใน ๒ องค์ที่ปรากฏในโลก
อนุสาวรีญ์พระภิกษุฟาเหียน
พระเขี้ยวแก้ว หรือ พระทาฐธาตุ คือพระทันตธาตุส่วนที่เป็นเขี้ยวของพระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งตามลักขณสูตรในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ได้กล่าวถึงมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ประการมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึง ลักษณะของพระทาฐะหรือเขี้ยวของบุคคลผู้มีลักษณะแห่งมหาบุรุษว่า“เขี้ยวพระทนต์ทั้งสี่งามบริสุทธิ์” จากการที่ โฑณพราหมณ์ แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้กษัตริย์เมื่อครั้งพุทธกาลนั้น ว่า “ท่านทั้งหลายจงสดับคำแห่งเราสักครู่หนึ่ง ซึ่งพระบรมครูแห่งเราย่อมตรัสเทศนาซึ่งขันติธรรมว่าประเสริฐแล ซึ่งมาเกิดยุทธประหารในที่พระสารีริกธาตุ อันศาสดาปรินิพพานนี้ บ่มิดีบ่มิสมควร ดูกรท่านทั้งหลาย จงอดกลั้นเสียซึ่งโทษจึงคิดประนีประนอมพร้อมหฤทัยยินดีด้วยกัน เราจะแบ่งปันพระบรมธาตุออกเป็น ๘ ส่วน ให้แก่บพิตรทั้งปวงตามควร องค์ละส่วนเสมอกัน จะได้อัญเชิญไปก่อพระสถูปบรรจุไว้ทุกพระนคร เป็นที่ให้ไหว้บูชาแห่งมหานครในทิศทั้งหลายต่างๆ”
พระภิกษุฟาเห็ยน
การแบ่งครั้งนั้น ถ้า โฑณพราหมณ์ ไม่ซ่อนพระเขี้ยวแก้วไว้ในพระประโฑณแล้ว ไหนเลยจะหลุดรอดมาให้สักการบูชากัน ข้อมูลนี้จึงทำให้เชื่อกันว่า พระเขี้ยวแก้วมีทั้งหมด ๔ องค์ คือ ๑.พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ท้าวสักกะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ๒.พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา ประดิษฐานที่แคว้นกลิงคะ แล้วจึงถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ลังกาทวีป ที่วัดพระเขี้ยวแก้ว ประเทศศรีลังกา ปัจจุบัน ๓.พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ประดิษฐาน ณ แคว้นคันธาระ แล้วเชื่อว่าถูกอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอัน หรือเมืองฉางอัน ประเทศจีน โดย พระภิกษุฟาเหียน เมื่อคราวจาริก ไปสืบพระศาสนายังอินเดีย ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้วองค์นี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง ๔.พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำซ้ายประดิษฐานในภพบาดาลของพญานาค สรุปว่าเป็นที่เชื่อกันว่าบนโลกมนุษย์นี้มีพระเขี้ยวแก้วขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่๒ องค์ นอกจากนี้ พระเขี้ยวแก้วยังจัดเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ไม่แยกกระจัดกระจาย องค์มีลักษณะแข็งแกร่งรวมกันแน่น ด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเลื่อมใสในองค์พระเขี้ยวแก้วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมืองแคนดี้ ศรีลังกา นั้นจัดงานแห่พระเขี้ยวแก้วด้วยช้างที่มีสีสัน สร้างชื่อเสียงเช่นเดียวกับพิธีแห่พระเขี้ยวแก้วที่วัดพระพุทธบาท สระบุรี และเรื่องพระเขี้ยวแก้วจึงมีปรากฏศรัทธาสักการะอยู่หลายแห่งในไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี