พระนครศรีอยุธยา คือจังหวัดหนึ่งของไทย ในอดีตนั้นเขตพื้นที่แห่งนี้คือที่ตั้งของราชธานีของสยาม โดยมีนามว่ากรุงเทพมหานครบวรทวารวดีศรีศรีอยุธยามหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมมหาสถาน
กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของสยามอยู่นานถึง 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครอง 33 พระองค์ ปฐมบรมกษัตริย์สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ 1 และกษัตริย์พระองค์สุดท้ายคือสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ โดยมีราชวงศ์ 5 ราชวงศ์ คือ อู่ทอง สุพรรณภูมิ สุโขทัย ปราสาททอง และบ้านพลูหลวง
เมื่อกรุงศรีอยุธยาล่มสลายหลังแพ้สงครามพม่าในปี 2310 จากนั้นสยามก็ได้ย้ายราชธานีไปยังกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร จนกระทั่งได้สถาปนาราชธานีแห่งใหม่ขึ้นหลังจากยุคกรุงธนบุรี คือกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ฯ แล้วราชธานีแห่งนี้ได้ดำรงคงอยู่มาตั้งแต่ 2325 จวบจนปัจจุบัน
ย้อนกลับไปดูความงดงามในแง่มุมต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยา จะพบว่าในวันที่บ้านเมืองยังอยู่ดีมีสุข มีความสมบูรณ์งดงาม มีความรุ่งเรืองทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ โดยสามารถสืบดูได้จากร่องรอยแห่งความเจริญที่ยังคงทิ้งหลักฐานให้ปรากฏอยู่ แม้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังของโบราณสถานทั้งวัดและวังก็ตาม แต่ก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ากรุงศรีอยุธยาในยุคที่รุ่งเรืองก็คือเมืองที่ดุจดั่งสรวงสวรรค์
วันนี้เราจะย้อนกลับไปชมความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยากันอีกครั้ง โดยขอพาคุณไปชมความอลังการของกรุเครื่องทองแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ค้นพบจากกรุวัดราชบูรณะอันบ่งบอกได้ถึงความวิจิตรของงานประณีตศิลป์ที่ช่วยให้เรามองเห็นหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของพระนครศรีอยุธยา ที่ทำให้เราทราบถึงความเป็นอยู่ของชาวกรุงศรีอยุธยาในสมัยโบราณได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันเครื่องทองจากกรุวัดราชบูรณะถูกนำไปเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา เครื่องทองจากกรุที่ค้นพบมีมากมายหลายชนิด แต่ก็มีอีกมิใช่น้อยที่ถูกโจรกรรมไปแล้ว แต่เท่าที่หลงเหลืออยู่นั้นก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นโบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่ประเมินราคามิได้ อาทิ เครื่องราชกกุธภัณฑ์จำลองทองคำ ประกอบด้วยพระแส้ วาลวิชนี (พัชนีฝักมะขาม) และพัดโบก พระแสงขรรค์ชัยศรี ทับทรวงทองคำ กำไลทองคำประดับอัญมณี และเครื่องราชูปโภค รวมทั้งเครื่องอุทิศ เครื่องราชบรรณาการ เป็นต้น และที่สำคัญที่สุดคือพระบรมสารีริกธาตุ
ขอย้ำว่าหากคุณไปอยุธยาแล้วหลายสิบครั้ง แต่ไม่เคยไปชมกรุเครื่องทองวัดราชบูรณะ และกรุจากวัดสำคัญอื่นๆ เช่น วัดมหาธาตุ วัดพระราม ขอให้คุณไปชื่นชมความวิจิตรอลังการของโบราณวัตถุสมัยกรุงศรีอยุธยาที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา
และเมื่อไปอยุธยาแล้ว ขอย้ำว่าต้องไม่พลาดการไปชมวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร บางปะอิน วัดนี้ตั้งอยู่บนเกาะลอยกลางแม่น้ำเจ้าพระยา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ วัดนิเวศธรรมประวัติ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร และทรงใช้วัดนี้เป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อครั้งเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังบางปะอิน
สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของวัดนิเวศธรรมประวัติคือ ศิลปะแบบโกธิค โดยทรงตั้งพระทัยให้มีความละม้ายคล้ายกับโบสถ์ของศาสนาคริสต์ องค์พระประธานในพระอุโบสถมีนามว่าพระพุทธนฤมลธรรโมภาส ส่วนด้านขวาของพระอุโบสถประดิษฐานพระคันธารราฐ (พระพุทธรูปประทับยืนปางขอฝน)ด้านตรงข้ามพระคันธารราฐคือที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทำจากศิลาแบบปางนาคปรก และด้านซ้ายของพระอุโบสถ (เมื่อหันหน้าเดินออกจากพระอุโบสถ) มีสวนหินดิศกุลอนุสรณ์ สถานที่บรรจุพระอัฐิสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และพระอัฐิเจ้าจอมมารดาชุ่ม พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมารดาของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และพระอัฐิของเจ้านายในราชสกุลดิศกุลอีกหลายพระองค์
วันนี้ ชวนคุณเที่ยวอยุธยาด้วยกัน แล้วถ้าหากคุณสนใจร่วมทริปที่รับสมาชิกเพียงกลุ่มเล็กๆ จำนวน 10-14 คนเพื่อไปท่องเที่ยวโดยเน้นเรื่องโบราณคดี ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และขนบธรรมเนียมของท้องถิ่นต่างๆ โปรดติดต่อ 091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี