การศึกษาใหม่ของออสเตรเลียที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย. เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับวิวัฒนาการของดวงดาวด้วยการวิเคราะห์เสียงของดวงดาวในกระจุกดาวที่อยู่ห่างออกไป 2,700 ปีแสง และพัฒนาวิธีการกำหนดอายุและมวลของดาวฤกษ์อย่างแม่นยำผ่านการศึกษาการเปลี่ยนช่วงคลื่นเสียง (Oscillation Frequency) ของดาวเหล่านี้ โดยใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศภารกิจเคปเลอร์เค2 (Kepler K2)
เดนนิส สเตลโล ผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่าดาวฤกษ์จะส่งเสียงที่ย่านความถี่เฉพาะเช่นเดียวกับเครื่องดนตรี ขึ้นอยู่กับโครงสร้างภายในของมัน และเป็นครั้งแรกที่เราศึกษาลำดับวิวัฒนาการที่กินเวลานานมากเช่นนี้
ดาวขนาดใหญ่ที่สุดจะมีเสียงทุ้มที่สุด ส่วนดาวขนาดเล็กจะมีเสียงแหลมสูงและไม่มีดาวดวงใดที่เล่นโน้ตเดียวพร้อมกันได้ กระบวนการนี้เปรียบเสมือนการฟังวงออร์เคสตราและระบุเครื่องดนตรีโดยฟังจากเสียงของเครื่องดนตรีชนิดนั้นๆ
การศึกษาครั้งนี้ได้ตรวจสอบดาวฤกษ์จำนวน 27 ดวง จากกระจุกดาวเอ็ม67 (M67) ที่ก่อตัวขึ้นเมื่อ 4,000 ล้านปีก่อน แม้ว่ากระจุกดาวเอ็ม67 จะมีองค์ประกอบทางเคมีคล้ายคลึงกัน แต่มวลที่มีความหลากหลายทำให้เหมาะต่อการศึกษาวิวัฒนาการแบบเรียลไทม์
นักวิจัยกล่าวว่า เนื่องจากกระจุกดาวเอ็ม67 มีความคล้ายคลึงกับดวงอาทิตย์ การวิจัยครั้งนี้จึงให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับอดีตของดวงอาทิตย์และการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นดาวฤกษ์ยักษ์แดงในขั้นสุดท้าย การค้นพบเหล่านี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงและชี้ให้เห็นถึงแนวทางใหม่ในการวิเคราะห์ข้อมูลดาราศาสตร์ที่มีอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี