เชฟไช่ ชื่อเหวย (Tsai Shih Wei) สุดยอดเชฟกระทะเหล็กอาหารจีน Fine Dining แห่งร้าน Chai Jia Chai (ไชย เจีย ชัย) ในซอยสุขุมวิท 31 เชฟชาวไต้หวันที่หลงใหลการทำอาหารจีนอย่างลึกซึ้ง มีประสบการณ์ในร้านอาหารจีนมากว่า 23 ปี จากหลายประเทศ ทั้งออสเตรเลีย โปแลนด์ เซี่ยงไฮ้ หนานจิง รวมถึงร้านอาหารมิชลิน และการมาที่ประเทศไทยของเขาก็ต้องการออกจากข้อจำกัดเดิมสู่เมนูอาหารกวางตุ้งในรูปแบบ Fine Dining ที่ยังคงไม่ทิ้งกลิ่นอายของอาหารจีนแบบดั้งเดิม แต่ผสานเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างน่าทึ่ง
ร้าน Chai Jia Chai (ไชย เจีย ชัย) จึงนำเสนออาหารจีนในรูปแบบโอมากาเสะแห่งแรกในประเทศไทย จนเป็นที่กล่าวขานถึงในวงกว้าง และได้รับการจัดอันดับในลำดับที่ 12 ในงานประกาศรางวัล Bagkok’s Top 25 Restaurants จาก Top25Restaurants.com เมื่อปี 2567 การันตีการยอมรับของนักชิมที่มีต่อรสชาติและวัฒนธรรมของอาหารจีนผ่านการนำเสนอของเขา
ชื่อร้าน Chai Jia Chai เป็นภาษาจีน คำว่า ‘Chai’ คำแรกคือชื่อของเชฟไช่ คำว่า ‘Jia’ หมายถึง บ้าน และคำว่า ‘Chai’ ตัวสุดท้ายหมายถึง อาหาร ซึ่งแปลความหมายโดยรวมได้ว่า ร้านอาหารที่เป็นเหมือนบ้านของเชฟไช่ นั่นเอง
จากจุดเริ่มต้นของร้านอาหารจีน โอมากาเสะ ได้เปลี่ยนมานำเสนอในรูปแบบ Fine Dining ซึ่ง เชฟไช่ มองว่า คอร์สอาหาร Fine Dining นี้ คือคำตอบของการเป็นเชฟของเขา ที่ไม่ใช่แค่การทำอาหารให้อร่อยเพียงอย่างเดียว นั่นเพราะตั้งแต่เมนูแรกจนถึงเมนูของหวานปิดท้าย เชฟจะรังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อความสุขที่ทุกคนจะได้รับกลับไปเมื่อมาทานอาหารที่ร้านของเขา ซึ่งให้บริการเพียง 5 โต๊ะในแต่ละวัน และคอร์สอาหารจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลในทุกๆ 3 เดือน
เชฟไช่ เลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่ดีที่สุดจากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งมังกร เป๋าฮื้อ กระเพาะปลา คาร์เวีย อูนิ ปูอลาสก้า หรือแม้กระทั่งเนื้อวัว A5 ฯลฯ และในขณะนี้ เชฟไช่ ได้ออกคอร์สอาหารใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นฤดูกาลของปลาสเตอร์เจียน หรือ Sturgeon Course นอกจากไข่ปลาคาร์เวียอันเลื่องชื่อจากปลาสเตอร์เจียนแล้ว เมนูอาหารในคอร์สนี้ยังรวมถึงการนำกระดูกและเอ็นปลาสเตอร์เจียนมาปรุงอย่างพิถีพิถัน รวมถึง กุ้งมังกร เป๋าฮื้อ กระเพาะปลา อูนิ ปูอลาสก้า และ เนื้อวัว A5 สุดพรีเมียมจากทุกมุมโลก และหยิบยกเมนูสตรีทฟู้ดอันโด่งดังของไต้หวัน มาผสานเทคนิคการปรุงอาหารชั้นเลิศแบบกวางตุ้งอีกด้วย
12 คอร์สอาหารจับคู่กับไวน์ชั้นดีได้อย่างลงตัว แต่ละเมนูมีเรื่องราวและความน่าสนใจซ่อนอยู่มากมาย อย่างเช่น เมนู Taipei Golden Pig หมูหันกรอบเสิร์ฟคู่ซาลาเปานุ่ม สอดไส้ด้วยผักดอง ถั่วลิสง และสมุนไพรสด ปรุงแต่งอย่างละเมียดละไม เป็นเมนูสตรีทฟู้ดชื่อดังของไต้หวันที่เชฟไช่ยกระดับขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมนู French Blue Lobster-Caviar ปูอลาสก้าสีน้ำเงินและคาเวียร์ เชฟปรุงด้วยอุณหภูมิต่ำมีส่วนผสมของ Huadiao wine กับสมุนไพรจีน เสิร์ฟพร้อมคาเวียร์ เป็นการผสานสุดยอดของวัตถุดิบชั้นเลิศแบบมีชั้นเชิง
ขณะที่ เมนู Dried South African Abalone เชฟเลือกใช้เป๋าฮื้อแห้งขนาดใหญ่จากแอฟริกาใต้ อายุ 6-8 ปี ซึ่งมีขนาดใหญ่ เนื้อเด้งนุ่ม ได้รสสัมผัสที่เต็มปากเต็มคำ เมนู Stir-Fry Sturgeon Tendons จานนี้ผสมผสานรสชาติแบบดั้งเดิมของอาหารกวางตุ้งกับส่วนผสมระดับพรีเมี่ยม เชฟนำเส้นเอ็นปลาสเตอร์เจียนไปต้มกับ หัวหอม ถั่วงอก และพริกไทย จนเส้นเอ็นอ่อนนุ่ม จากนั้นเสิร์ฟพร้อมกับบิสกิตที่ทำจากซอส XO ที่มีแรงบันดาลใจจาก "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวทอด" สุดคลาสสิก
สายเนื้อต้องใจละลายกับเมนูทวิสต์จากสตรีทฟู้ดของไต้หวันจานนี้ Dry-Aged A5 Fillet เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำรสชาติเข้มข้น เพิ่มความหอมกรุ่นด้วยหัวหอมเจียว สับปะรดย่าง พริกป่นเล็กน้อย รสชาติกลมกล่อมเผ็ดเล็กน้อยติดปลายลิ้น หรืออาหารในตำนานที่หารับประทานได้ยากอย่างเมนู Sturgeon Bone with Ginger and Scallion กระดูกปลาสเตอร์เจียนตุ๋นขิงกับต้นหอม ซึ่งถูกเปรียบเปรยว่า มีคุณค่าเท่ากับเป๋าฮื้อ 10 ตัว เมนูนี้เชฟไช่ให้เวลากว่า 8 ชั่วโมงในการตุ๋นอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟพร้อมซอสขิงต้นหอมสูตรกวางโจว ที่ช่วยเพิ่มรสชาติร่วมกับความละมุนของบัลซามิกรสเข้มข้นจากอิตาลี
รวมถึงเมนูซิกเนเจอร์ของที่ร้านอย่าง ข้าวต้มกุ้งมังกร Alaskan King Crab Rice Soup เชฟได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่วงที่เขาดื่มซุปปลา Bouillabaisse แบบดั้งเดิมจากเมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส คัดสรรวัตถุดิบกุ้งลอบสเตอร์สีน้ำเงินจากประมงชาวบ้านในท้องทะเลไทยท้องถิ่น และผักสดนานาชนิด ได้แก่ ขึ้นฉ่าย มะเขือเทศ หอมใหญ่ และแครอท นำมาเคี่ยวเป็นน้ำซุป จากนั้นผสมเปลือกส้มกวางตุ้งแห้งกับพริกไทย ใช้เวลาเคี่ยวนานถึง 8 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสชาติที่สดหออมหวาน ล้ำลึก ซับซ้อน เพิ่มความพิเศษด้วยข้าวทอดลงไปให้หอมกรุ่นทั้งหม้อ เสิร์ฟขณะที่ข้าวต้มยังร้อนๆ พร้อมเครื่องเคียง หัวไชโป๊ น้ำมันไก่ทอด ซอสหัวหอม และซอสพริกเจ็ดเห็ด
นอกจากนี้ อีกหลายเมนูยังบ่งบอกถึงความใส่ใจและความประณีตของเชฟไช่ ซึ่งเขาทิ้งท้ายว่า “ความสุขของทุกคนกับคอร์สอาหารไฟน์ไดนิ่ง ในฤดูกาลหน้า เริ่มทำงานในสมองของผมแล้ว”
Sturgeon Course ราคา 8,800 ++ บาท ไม่รวมไวน์แพริ่ง ร้าน Chai Jia Chai (ไชย เจีย ชัย) ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 12.00-15.00 น. และ 17.00-22.00 น. แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 093-117-1909 Line : @Chaijiachai
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี