การพัฒนายาสำหรับเด็กถือเป็นความท้าทายสำคัญในวงการพัฒนายา เนื่องจากเด็กมีความต้องการทางกายภาพและการเปลี่ยนแปลงยาที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ปัจจัยด้านรสชาติ ความสามารถในการกลืน และความปลอดภัยของส่วนประกอบในตัวยายังเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา ดังนั้น การพัฒนาสูตรยาที่เหมาะสมกับเด็กจึงต้องมีการออกแบบอย่างละเอียดเพื่อให้สามารถบริหารยาได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง และเพิ่มความร่วมมือของเด็กในการรับประทานยา
ตัวอย่างนวัตกรรมทางเภสัชศาสตร์ในการพัฒนายาสำหรับเด็ก
ข้อมูลจาก ดร. ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า การคิดค้นและพัฒนายาสำหรับเด็กในปัจจุบันได้รวมเอานวัตกรรมหลายรูปแบบเพื่อให้เด็กสามารถรับประทานยาได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งคงประสิทธิภาพของตัวยา ตัวอย่างของยาที่ถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับเด็ก ได้แก่:
1. การพัฒนาเป็นสารละลายในรูปแบบ granule
- เป็นยาบรรเทาอาการเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และป้องกันและรักษาโรคหอบหืด ชนิดแกรนูลสามารถรับประทานได้โดยตรง, หรือผสมกับอาหารเหลว หรือละลายในของเหลวสูตรสำหรับเด็กทารกหรือน้ำนมแม่
- ได้รับการพัฒนาเป็นสารละลายในรูปแบบ granule ทำให้ละลายและดูดซึมได้อย่างรวดเร็วในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการกลืนยาเม็ด หรือเด็กที่ยังกลืนยาเม็ดไม่ได้ ทำให้เด็กสามารถรับประทานได้ง่ายขึ้น
2. การพัฒนาจากสูตรยาเม็ดไปเป็นสูตรยาน้ำแขวนตะกอน
- เป็นยาปฏิชีวนะที่พัฒนาจากสูตรยาเม็ดไปเป็นสูตรยาน้ำแขวนตะกอน เพื่อให้เด็กที่ยังกลืนยาเม็ดไม่ได้สามารถรับประทานได้
- ใช้สารแต่งรสให้มีกลิ่นและรสชาติที่เด็กชอบ ลดความรู้สึกขมของตัวยา
- มีการควบคุมขนาดอนุภาคของยาให้มีเสถียรภาพเพื่อให้ตัวยามีประสิทธิภาพดีขึ้น
3. การพัฒนาให้ยาออกฤทธิ์ได้นานขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Extended Release
- เพื่อลดความจำเป็นในการรับประทานยาเป็นระยะ ๆ ในระหว่างวัน
- พัฒนาเป็นรูปแบบ เคี้ยวได้ (Chewable Tablets) ซึ่งช่วยให้เด็กที่มีปัญหาในการกลืนยาเม็ดสามารถใช้ยาได้ง่ายขึ้น
4. การพัฒนาสูตรสำหรับให้ทางจมูกแทนการฉีด
- เป็นยาระงับประสาทที่พัฒนาสูตรสำหรับให้ทางจมูกแทนการฉีด เพื่อลดความเครียดและความกลัวของเด็กที่ต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์
- ช่วยให้สามารถควบคุมปริมาณยาได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องใช้วิธีการฉีดซึ่งอาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลในเด็ก
นวัตกรรมเหล่านี้เป็นตัวอย่างของแนวทางที่ถูกนำมาใช้ในการพัฒนายาสำหรับเด็ก เพื่อลดความยุ่งยากในการใช้ยาและเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น หนึ่งในแนวทางสำคัญที่ถูกนำมาใช้คือการเปลี่ยนจากยาเม็ดหรือแคปซูลมาเป็นยาน้ำที่มีสูตรเฉพาะสำหรับเด็ก ซึ่งช่วยให้สามารถปรับขนาดยาได้ง่ายขึ้นและลดปัญหาการกลืนยา นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา สูตรยาที่ไม่มีสีสังเคราะห์และปราศจากน้ำตาล เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้และลดความเสี่ยงต่อฟันผุ ปัจจัยเหล่านี้นำไปสู่การคิดค้น Desloratadine Oral Solution ซึ่งบทความนี้จะขอลงรายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรมของยาแก้แพ้สำหรับเด็ก
นวัตกรรมใหม่ของยาแก้แพ้สำหรับเด็ก
ยาน้ำแก้แพ้สำหรับเด็ก: นวัตกรรมเพื่อการรักษาที่ดีขึ้น
อาการแพ้ในเด็กเป็นปัญหาที่พบบ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กและครอบครัวDesloratadine Oral Solution ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการแพ้ในเด็ก โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มความสะดวกในการรับประทานและลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ มีข้อบ่งใช้ทางคลินิก
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis): บรรเทาอาการ คัดจมูก, จาม, น้ำมูกไหล และคันจมูก
- โรคลมพิษเรื้อรัง (Chronic Urticaria): ลดการเกิด ผื่นลมพิษ เช่น บรรเทาอาการคัน, ลดจำนวนและขนาดของผื่น ซึ่งช่วยให้คุณภาพชีวิตของเด็กดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากการศึกษาข้อมูลของเด็ก 1,172 คน ใน 7 ประเทศยุโรป พบว่า รสชาติและความสามารถในการกลืน เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการยอมรับยา, ความสะดวกและรวดเร็วในการรับประทาน เป็นปัจจัยรองที่มีความสำคัญ,ลักษณะทางกายภาพของยา (สีและกลิ่น) มีผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก
ข้อดีของยาน้ำในเด็ก คือ สามารถปรับขนาดยาได้ง่าย ตามน้ำหนักตัว, เพิ่มความร่วมมือในการรับประทานยา ในเด็กที่มีปัญหากลืนยาเม็ด, ความยืดหยุ่นในการให้ยา ทำให้สามารถปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ง่ายขึ้น
การเปรียบเทียบ: ยาน้ำ (Oral Solution) vs. น้ำเชื่อมยา (Syrup)
คุณสมบัติ |
Oral Solution |
Syrup |
---|---|---|
ลักษณะภายนอก |
ใส ไม่มีสี (ปราศจากสีสังเคราะห์) |
สีส้ม |
น้ำตาล |
ปราศจากน้ำตาล (ใช้ Sorbitol) |
มีซูโครส |
ค่าดัชนีน้ำตาล (GI) |
ต่ำ (เหมาะกับเด็กที่เป็นเบาหวาน) |
สูง (ไม่เหมาะกับเด็กที่เป็นเบาหวาน) |
รสชาติ |
กลิ่นหมากฝรั่ง |
กลิ่นหมากฝรั่ง |
ความหนืด (Viscosity) |
หนืดน้อย ดูดซึมเร็ว |
หนืดสูง ต้องใช้เวลานานกว่าจะซึมผ่านกระดาษกรอง |
- สูตร Sorbitol ในยาแบบ Oral Solution ลดความเสี่ยงต่อ ฟันผุและน้ำหนักเกิน เมื่อเทียบกับสูตรที่มีน้ำตาลซูโครส
- ไม่มีสีสังเคราะห์ ลดโอกาสเกิด อาการแพ้และผลกระทบต่อพฤติกรรมในเด็ก
- ข้อพิจารณาด้านเภสัชกรรมและกฎหมาย
- ทำไมต้องใช้สูตรปราศจากสีสังเคราะห์?
- สีสังเคราะห์อาจทำให้เกิด อาการไม่พึงประสงค์ทางเดินอาหาร (ปวดท้อง, ท้องเสีย, อาเจียน)
- มีรายงานว่าอาจส่งผลกระทบต่อ พฤติกรรมในเด็กที่ไวต่อสีผสมอาหาร
- หน่วยงานกำกับดูแล เช่น องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (US FDA) ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสารแต่งสี
สารให้ความหวานในยาสำหรับเด็ก: ซูโครส vs. ซอร์บิทอล
คุณสมบัติ |
Oral Solution |
Syrup |
---|---|---|
ลักษณะภายนอก |
ใส ไม่มีสี (ปราศจากสีสังเคราะห์) |
สีส้ม |
น้ำตาล |
ปราศจากน้ำตาล (ใช้ Sorbitol) |
มีซูโครส |
ค่าดัชนีน้ำตาล (GI) |
ต่ำ (เหมาะกับเด็กที่เป็นเบาหวาน) |
สูง (ไม่เหมาะกับเด็กที่เป็นเบาหวาน) |
รสชาติ |
กลิ่นหมากฝรั่ง |
กลิ่นหมากฝรั่ง |
ความหนืด (Viscosity) |
หนืดน้อย ดูดซึมเร็ว |
หนืดสูง ต้องใช้เวลานานกว่าจะซึมผ่านกระดาษกรอง |
ข้อสรุป:
-ซอร์บิทอล เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าสำหรับเด็กที่ต้องรับประทานยาระยะยาว เพราะช่วย ลดความเสี่ยงของฟันผุและน้ำหนักเกิน ได้การพัฒนารสชาติในยาสำหรับเด็ก
Desloratadine Oral Solution ใช้ รสหมากฝรั่ง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าสามารถ เพิ่มความร่วมมือในการรับประทานยาในเด็กได้สูงรสชาติเป็นผลจากการทำงานร่วมกันของ ปัจจัยทางเคมีและการรับรู้กลิ่น
โดยสรุปนวัตกรรมใหม่ของยาแก้แพ้สำหรับเด็ก ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และใช้งานง่าย สูตรนี้ช่วยลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากสารแต่งสีและน้ำตาล ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการรักษาอาการแพ้ในเด็ก หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/service.php
ผศ. (พิเศษ) ดร. อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี