พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ระหว่างวันที่ 25-28 เมษายน 2568 เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัชสมัย
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 เวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นราชอาณาจักรภูฏาน) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน โดยมี สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงรับ พร้อมด้วยสมาชิกพระราชวงศ์ภูฏาน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ระหว่างวันที่ 25-28 เมษายน 2568 โดยมี สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงรับ พร้อมด้วยสมาชิกพระราชวงศ์ภูฏาน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรัชสมัย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินผู้ช่วย
โอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน ถวายผ้าแพรคล้องพระหัตถ์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ถวายผ้าแพรคล้องพระหัตถ์แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตามธรรมเนียมท้องถิ่น ในการรับเสด็จของราชอาณาจักรภูฏาน ผ้าแพรสีขาวทำจากผ้าไหม เรียกว่า คาดาร์ (Khadar) ในภาษาซงข่า เป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาดี จากผู้ให้ไปยังผู้รับ มักใช้มอบให้แขกสำคัญในพิธีกรรมทางศาสนา และแขกสำคัญผู้มาเยือน ในการนี้ ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน บริเวณเชิงบันไดเครื่องบินพระที่นั่ง จากนั้นทรงพระดำเนินผ่านแถวกองทหารเกียรติยศ
การเสด็จพระราชดำเนินมารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ณ ท่าอากาศยานนานาชาติพาโร ของสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน นับเป็นการถวายพระเกียรติอย่างสูงสุดต่อพระราชวงศ์ไทยและประเทศไทย โอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ทรงส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงแรมเพมาโกะ ทิมพู (Hotel Pemako Thimphu) ซึ่งฝ่ายภูฏานจัดถวาย เป็นโรงแรมที่ประทับ ซึ่งตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่านมีนักเรียนและประชาชนชาวภูฏานเป็นจำนวนมาก มาเฝ้าฯ รับเสด็จ รวมทั้งมีการจัดแสดงทางวัฒนธรรมของภูฏานถวายให้ทอดพระเนตร เป็นการถวายพระเกียรติและถวายการต้อนรับตามธรรมเนียมท้องถิ่นของภูฏาน
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเคยเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 23-26 มิถุนายน 2534 ตามพระราชสาส์นทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน พระองค์ที่ 4 การเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานในครั้งนี้ เป็นการเสด็จพระราชดำเยือนราชอาณาจักรภูฏานในครั้งที่สอง สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองพระราชวงศ์และสองประเทศ จากการมีมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกันในความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาและสายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ทั้งสอง รวมทั้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
ในช่วงบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังป้อมทาซิโช กรุงทิมพู โดยสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ทรงจัดพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ ทรงพระดำเนินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังลานเทนเดรลทัง เพื่อทอดพระเนตรการแสดงขบวนพาเหรดและสวนสนาม รวมทั้งการแสดงทางวัฒนธรรม ในตอนค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินจากโรงแรมที่ประทับเพมาโกะ ทิมพู ไปยังพระราชวังเดเชนโชลิง (Dechencholing Palace) กรุงทิมพู ในงานถวายพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการ (State Banquet) ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏานจัดถวาย
วันที่ 26 เมษายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดอร์เดนมา เพื่อร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล โดยคณะสงฆ์ฝ่ายภูฏานฝ่ายภูฏานและคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายละ 74 รูป จากนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินมาเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ในช่วงบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังโครงการหลวงเดเชนโชลิงเพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวงของไทยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภูฎาน รวมทั้งการจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ในช่วงเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ดาโช เชริง โตบเกย์ (Dasho Tshering Tobgay) นายกรัฐมนตรี และภริยา เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ โรงแรมที่ประทับ
วันที่ 27 เมษายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากโรงแรมที่ประทับเพมาโกะ ทิมพู ไปยังพระราชวังลิงคานา (Lingkana Palace Ground) เพื่อทอดพระเนตรการแสดงศิลปวัฒนธรรมของภูฏาน ได้แก่ การแสดงศิลปะการยิงธนู กีฬาพื้นบ้าน และงานหัตถกรรมผ้าและสิ่งทอของราชอาณาจักรภูฏาน จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังตลาดกลางประจำกรุงทิมพู (Kaja Throm) ทรงรับฟังการบรรยายสรุปและทอดพระเนตรนิทรรศการของโครงการอาสาสมัครเดซุง และร้านค้าจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร
การนี้ ทรงกีฬายิงธนู ร่วมกับ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน และกับสมเด็จพระราชินีทั้งสองพระองค์ด้วยความสนพระราชหฤทัย ท่ามกลางเสียงปรบมือส่งกำลังพระราชหฤทัยให้กับพระราชาและพระราชินี ทั้งสองราชอาณาจักรดังกึกก้อง
วันที่ 28 เมษายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากโรงแรมที่ประทับเพมาโกะ ทิมพู ไปยังป้อมดุงการ์ ณ เมืองพาโร ทรงสักการะพระศากยมุนี และทอดพระเนตรกิจกรรมของราชวิทยาลัย และนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเมืองเกเลฟู ให้เป็นเมืองแห่งสติปัญญาในเขตปกครองพิเศษ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานนานาชาติพาโร เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏาน
การนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน และสมเด็จพระราชินีเจจุน ปัทมา วังชุก ทรงโบกพระหัตถ์ส่งเสด็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี