‘มาริษา อมาตยกุล’ลูกประดู่แห่งกองทัพเรือไทยเจ้าของน้ำเสียงกังวาน ‘สุนทราภรณ์’
วันเวลามันช่างล่วงเลยผ่านไปรวดเร็วปานดั่งสายลมพัด เช่นเดียวกับ “คนมายา” ผู้เคยมีชื่อเสียงโด่งดังคับฟ้าในวันวาน ซึ่ง ณ วันนี้วันเวลาได้พลักพรากความอ่อนวัย และ ความสำเร็จ อันหอมหวานให้ผ่านพ้น บ้างก็ล้มหายตายจาก หลงเหลือฝากไว้เพียงแค่ชื่อให้จดจำ คุณงาม ความดี และผลงานอันลือชา
แต่หลายท่าน ยืนหยัด ต่อสู้กับกาลเวลา ผ่านร้อน ผ่านหนาว เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลของยุคสมัย เพื่อมาบอกเล่าถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสกับวันวาน
ซึ่ง “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ยังคงนำ “คุณผู้อ่าน” สำราญไปกับความอลังการที่เรานำมาเสนอให้กับท่านผู้ที่ชื่นชอบ ศิลปินดารา นักร้องเก่า มาให้หวนรำลึกถึงวันวาน
แหละนี่คือช่วงเวลาของการฉลอง 74 ปีให้กับวงดนตรีที่มีคนรู้จักหัวหน้าวงในระดับโลก ครูเอื้อ สุนทรสนาน ท่านเป็นทั้งศิลปินแห่งชาติ และบุคคลดีเด่นด้านวัฒนธรรมของโลก ที่คนไทยยอมรับกับความเป็น สุดยอดของศิลปินอย่างแท้จริง
ซึ่ง“บันเทิงแนวหน้า” กับ “มูลนิธิสุนทราภรณ์” โดย “หมึกดำ” บรรณาธิการฝ่ายข่าวบันเทิง กับ คุณ อติพร สุนทรสนาน เสนะวงศ์ ขอส่งความสุขให้กับ แฟน RETRO เปิดตัวศิลปินที่นับเป็นสมาชิกทั้งการก่อตั้งวงสุนทราภรณ์ หลากหลายรุ่นมาให้อ่าน โดยสัปดาห์นี้พบกับ..
มาริษา อมาตยกุล นักร้องวงสุนทราภรณ์ เจ้าของน้ำเสียงกังวานชัดเจนกับทรงผม "สวอน" ที่ผู้ชมจดจำคุ้นเคยตลอดมากว่า 50 ปี เกิดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2482 ในย่านฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร
เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนสตรีวรนารถและสตรีวิทยา เมื่อเรียนจบจึงไปสมัครรับราชการที่กรมยุทธการทหารเรือ ได้รับยศจ่าตรี และตั้งใจรับราชการอย่างเต็มที่
มาริษา เป็นคนที่ชื่นชอบการร้องเพลง และชื่นชอบบทเพลงของสุนทราภรณ์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเป็นเพลงของ มัณฑนา โมรากุล ที่มีชื่อเสียงมากในขณะนั้น และด้วยความที่เป็นแฟนเพลงสุนทราภรณ์ตัวยง "มาริษา” จึงมักชอบครวญเพลงขับกล่อมคลายเหงาในยามปฏิบัติหน้าที่และยามว่างเว้นภารกิจ เพราะทุกวินาทีในคราบเครื่องแบบทหารรั้วของชาติ มาริษาไม่เคยละทิ้งฝันแห่งความตั้งใจ อยากเป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์
ความฝันของ มาริษาเป็นความจริงในปี 2501ขณะรับราชการที่กรมยุทธการทหารเรือ ติดยศจ่าตรี กองทัพเรือเล็งเห็นแววความสามารถในการร้องเพลง จึงส่งประกวดร้องเพลงในรายการไนติงเกลทางโทรทัศน์ช่อง 7 เมื่อ พ.ศ. 2501 ทำให้มีโอกาสได้พบกับ ครูแก้ว อัจฉริยะกุล เพื่อนสนิทของ ครูเอื้อ สุนทรสนาน
ซึ่งเพลงที่ใช้ในการประกวดในครั้งนั้นคือเพลง “เสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น” ต้นฉบับโดย รวงทอง ทองลั่นธม และเพลง “ดำเนินทราย” ต้นฉบับโดยสุนทราภรณ์-มัณฑนา โมรากุล แต่เธอและวงดนตรีที่เข้าประกวดไม่ได้รับรางวัลอะไรเลยจากการประกวดในครั้งนี้
แต่ในวันนั้นซึ่ง ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ที่เป็นคณะกรรมการตัดสินในการประกวดร้องเพลงนั้นตาแหลม ได้ชักชวนพร้อมนำไปฝากเข้าวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ในโครงการ "ดาวรุ่งพรุ่งนี้" ร่วมกับ บุษยา รังสี และ อ้อย อัจฉรา ขณะที่ผู้ใหญ่ในกองทัพเรือคัดค้านด้วยความห่วงใย
หลังจากทำงานที่กรมประชาสัมพันธ์ มีโอกาสร้องเพลงบนเวทีและประสบการณ์เพิ่มขึ้น จนได้บันทึกเพลงจังหวะรุมบ้าชื่อ ริมฝั่งน้ำ ซึ่งกลายเป็นงานสร้างชื่อเสียง เมื่อมีการเปิดเพลงดังกล่าวตามสถานีวิทยุต่างๆ พร้อมกับเพลง น้ำตาดาว และเพลง สวัสดีบางกอก ร้องโดย บุษยา รังสี และ อ้อย อัจฉรา ตามลำดับ
มาริษา เริ่มเข้ามาเป็นนักร้องสุนทราภรณ์ เมื่อปีพ.ศ. 2501 และเข้ารับราชการในกรมประชาสัมพันธ์ โดยต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองดนตรีสากลก่อนเกษียณอายุราชการ และยังรับเชิญขับร้องเพลงตามงานต่างๆอยู่จนทุกวันนี้
เธอเป็นนักร้องสุนทราภรณ์ที่มีน้ำเสียงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ครูเอื้อ สุนทรสนานจึงแต่งเพลงให้ร้องและบันทึกเสียงจำนวนหนึ่ง ผลงานที่สร้างชื่อเสียงมากเป็นพิเศษ ได้แก่เพลง ริมฝั่งน้ำ, ฝนตั้งเค้า, รักอะไร, เดือนหงาย และเกาะสมุยฯลฯ
ด้วยสายใยแห่งวงดนตรีสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ของเหล่านักร้องรุ่นน้องรุ่นพี่ เช่น ศรีสุดา รัชตะวรรณ, วรนุช อารีย์, รวงทอง ทองลั่นธม ทำให้มาริษาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์งานเพลงทั้งในเวลางานราชการ และนอกเวลาจากงานแสดงของคณะสุนทราภรณ์ โดยมีปรมาจารย์อย่างครูเอื้อ สุนทรสนาน เฝ้าคอยบ่มเพาะ จนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย
เมื่อสิ้นเสาหลักครูเอื้อ เหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่ ต่างอำลาชีวิตข้าราชการไปเสาะหาความท้าทายใหม่ มีเพียง”มาริษา” ที่ยังยืนยันจะขอรับใช้กรมประชาสัมพันธ์ จนได้ดำรงตำแหน่ง ผอ.ส่วนบริหารการดนตรีก่อนเกษียณอายุข้าราชการในปี 2542 กว่าสี่สิบเอ็ดปีที่ มาริษา รับใช้วงการเพลงและกรมประชาสัมพันธ์ เธอมีส่วนช่วยผลักดันทั้งเพลงไทยสากลและเพลงไทยเดิมสมบัติภูมิปัญญาคู่แผ่นดิน
ด้วยการจัดคอนเสิร์ต "เสียงสวรรค์วันประชา" ที่เชื้อเชิญเหล่านักร้องรุ่นเก่าลายครามกลับคืนสู่เวที เพื่อหารายได้มอบให้ทายาทครอบครัวศิลปิน วินัย จุลละบุษปะ และครูเวส สุนทรจามร ถือเป็นความภาคภูมิใจส่วนหนึ่งที่เธอได้มีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องศิลปิน และอยากจะฝากโครงการนี้ให้ทางกรมประชาสัมพันธ์ช่วยสานต่อ เพื่อกลุ่มศิลปินเพลงยุคเก่า
ทุกวันนี้ มาริษา แม้จะห่างหายจากเวทีร้องเพลง กินเงินบำนาญเพียงน้อยนิด โชคดีที่เธอยังมีความรู้ด้านตัดเย็บเสื้อผ้าสร้างแบบแพทเทิร์น จากครั้งที่เคยได้เล่าเรียนกับห้องเสื้อสปัน จึงทำเป็นธุรกิจร่วมกับลูกสาวหารายได้ค้ำจุนครอบครัว
แต่กับบรรดาศิลปินเพลง เธอก็ยังคงจับกลุ่มก้อนกับพี่น้องนักร้องในแวดวงกรมประชาสัมพันธ์ จัดคอนเสิร์ตการกุศลช่วยเหลือสังคม อันเป็นการตอบแทนบุญคุณศาสตร์ทางดนตรี ที่นำพาชีวิตเธอมายืนอยู่ ณ จุดนี้ โดยเฉพาะช่วงชีวิตครั้งเป็นนักร้องอยู่ในคณะวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ ภายใต้หัวหน้าวงชื่อครูเอื้อ สุนทรสนานผู้เฝ้าคอยประคบประหงมรังสรรค์งานดนตรีและปลุกปั้นศิลปิน จนทำให้ครั้งหนึ่งในชีวิตของ มาริษา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้าเฝ้าแทบเบื้องพระยุคลบาท พร้อมกับวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดในชีวิตศิลปินเพลงผู้หนึ่งพึงได้รับอย่างไม่รู้ลืม
มาริษา มีผลงานที่สร้างชื่อเสียงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ ซึ่งรวมอยู่ CD แฟนคลับสุนทราภรณ์ ในชุดเพลงเดี่ยว อาทิ ริมฝั่งน้ำ, รักอะไร, เพียงปลายก้อย, สาริกาชมเดือน,คลื่นกรรม, สาส์นสวาท, เกาะสมุย, หงส์สะบัดบาป, ยัง, อย่าทำให้ซ้ำอีกเลย, อยากมีรักหวาน, เดือนหงาย, กรงที่ขังใจ, ฝนตั้งเค้า, รักหนึ่งในหัวใจ, นี่หรือเธอรัก, ประชดอารมณ์, อี่นาย, หนี้รัก, สร้างระเบียบ และเพลงคู่คือ พี่รักจริง ,บ้านนาราตรี คู่กับ สมศักดิ์ เทพานนท์
ริมฝั่งน้ำ
คำร้อง ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ทำนอง ครูเวส สุนทรจามร
ริมฝั่งน้ำพร่ำเพ้อละเมอครวญ
เคยชื่นชวนเมื่อหวนคะนึงไปจิตใจยังชื่นชู
แสงเดือนส่องยิ่งมองแล้วจิตเผลอเธอยังอยู่
เคล้าคลอคู่ชื่นชูรู้สึกเหมือนเตือนใจจำ
เธอกับฉันก่อนนั้นเคยชื่นฉ่ำ
ริมฝั่งน้ำสุขล้ำฉันจำได้อะไรจะเทียมทัน
เคยเรียกเธอเสนอรักรำพัน
เคยคู่กันใฝ่ฝันถึงเพลงชื่นค่ำคืนเคยได้ฟัง
น้ำเต็มเปี่ยมก็เทียมรักสุดหวานปานไหลหลั่ง
น้ำเต็มฝั่งดุจดั่งรักที่หวังยังคงคอย
เคยชื่นใจฝากไว้หัวใจลอย
เฝ้าแต่คอยโอ้รักนั้นเลื่อนลอย
ยิ่งคอยยิ่งใจหมอง
(ข้อมูลรวบรวมจากหนังสือรวมเพลงต่างๆ ของสุนทราภรณ์)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี