วัณโรคคืออะไร
วัณโรค (tuberculosis) เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อ mycobacterium tuberculosis โดยการติดเชื้อชนิดนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคปอดและมีเชื้อโรคอยู่ในเสมหะ เมื่อผู้ป่วยไอก็จะมีการฟุ้งกระจายของเชื้อและเมื่อมีผู้อื่นหายใจเอาเชื้อเข้าไป ก็สามารถเกิดการติดเชื้อขึ้นได้ อย่างไรก็ตามการติดเชื้อวัณโรคนั้นไม่ได้ติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็วเหมือนการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ ผู้ที่จะรับเชื้อวัณโรคได้มักต้องมีการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรคในระยะแพร่เชื้อสักระยะหนึ่ง โดยที่เชื้อวัณโรคจะมีการแพร่กระจายโดยทางการหายใจเป็นหลักและไม่ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือการสัมผัส
ปัญหาวัณโรคในประเทศไทย
วัณโรคเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยพบว่าในประเทศไทยยังมีปัญหาในการดูแลและรักษาผู้ป่วยที่เป็นวัณโรค โดยพบว่าในปัจจุบันมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ปีละประมาณ 90,000 รายและมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากวัณโรคปีละ 5,000-7,000 คน จากข้อมูลขององค์การอนามัยโรคประเทศไทยมีสถานการณ์ความรุนแรงของวัณโรคอยู่ในอันดับที่ 18เมื่อเทียบกับทุกประเทศทั่วโลก โดยพบว่าวัณโรคสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงมากได้แก่ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ติดเชื้อ HIV
วัณโรคทำให้เกิดโรคได้อย่างไร?
เมื่อมีการรับเชื้อวัณโรคเข้าไปในร่างกาย ผู้ที่รับเชื้อส่วนหนึ่งจะเกิดการติดเชื้อเกิดขึ้น ในระยะนี้ผู้ป่วยมักมีอาการไม่มากอาจมีไข้ ไอบ้าง และถ้าภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นปกติร่างกายจะสร้างภูมิค้มกันวัณโรคขึ้นมาและเชื้อวัณโรคจะไปหลบอยู่ตามต่อมน้ำเหลืองหรือที่อวัยวะอื่นๆ เราเรียกระยะการติดเชื้อนี้ว่าการติดเชื้อแบบปฐมภูมิ (primary infection)หลังจากการติดเชื้อปฐมภูมิผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการ เพียงแต่ถ้าไปตรวจจะพบว่ามีภูมิต่อเชื้อวัณโรคหรือถ้าถ่ายภาพรังสีทรวงอกอาจพบรอยแผลเป็นเล็กๆ หรือภาวะหินปูนเกาะในปอด แต่อาการอื่นจะไม่ปรากฏเลย เราเรียกระยะนี้ว่าระยะการติดเชื้อแฝง (latent infection)
ในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระยะแฝง ส่วนหนึ่งจะเกิดการเจริญเติบโตของเชื้อวัณโรคขึ้นมาได้เองในภายหลัง (reactivation oftuberculosis) เมื่อร่างกายอ่อนแอลง ประมาณว่าในผู้ติดเชื้อแฝง 100 คน จะมีโอกาสเกิดโรควัณโรคขึ้นมาใหม่ประมาณ 10 คนหรือ 10% โดยการเกิดโรคขึ้นใหม่มักจะเกิดขึ้นในปอด โดยเกิดขึ้นได้บ่อยในช่วง 2-3 ปีแรกภายหลังการรับเชื้อวัณโรคเข้าไป ผู้ป่วยจะมีการอักเสบเรื้อรังในปอด มีอาการไอเรื้อรัง มีไข้ต่ำๆ และอาจมีเหงื่อกลางคืน และน้ำหนักลดลง และจะตรวจพบว่ามีภาพรังสีทรวงอกที่ผิดปกติ ระยะนี้คือการป่วยเป็นวัณโรคที่เราเข้าใจกันทั่วๆ ไปนั่นเอง อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยวัณโรคปอดสวนหนึ่งที่อาจไม่มีอาการเลย เพียงแต่ตรวจพบว่ามีภาพรังสีปอดที่ผิดปกติแต่เพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ก็จะมีอาการเกิดขึ้นได้ในระยะต่อไป นอกจากเกิดโรคที่ปอดแล้ว เชื้อวัณโรคอาจทำให้เกิดโรคที่อวัยวะอื่นๆ นอกปอดได้เช่นกัน เช่นที่กระดูก, เยื่อหุ้มสมอง, สำไส้โดยจะมีอาการแสดงของโรคตามแต่ละอวัยวะที่เกิดการติดเชื้อขึ้น เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตปวดศีรษะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี