“ตรุษจีน” เป็น ”เทศกาลแห่งความสุข การแสดงความกตัญญู และการรวมญาติ” ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดเทศกาลหนึ่งของชาวจีน โดยถือเป็น “วันขึ้นปีใหม่” จะมีการรวมตัวกันของญาติพี่น้องในครอบครัวหรือวงศ์ตระกูล เพื่อการไหว้เคารพบรรพบุรุษด้วยเครื่องเซ่นหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหมู เห็ด เป็ด ไก่ ขนมเข่ง ขนมเทียน อาหารคาว-หวานหลากหลาย รวมถึงมีการเผากระดาษเงิน กระดาษทองและการจุดประทัด ด้วยความเชื่อที่จะส่งเสียงและส่งเครื่องใช้ไปถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ คนที่มีสัตว์เลี้ยงต้องพึงระมัดระวังเป็นพิเศษว่า สิ่งที่เรานำมาเฉลิมฉลองในกลุ่มครอบครัวนั้น จะต้องไม่ทำให้เกิดอันตรายกับสัตว์เลี้ยงของเรานะครับ
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือ “เสียงดังจากการจุดประทัด” เนื่องจากในทุกปีที่ผ่านมาจะมีสุนัขและแมวตกใจจากเสียงและเตลิดหายไปจากบ้านเป็นจำนวนมาก เพราะตกใจจากเสียงดังที่เกิดขึ้น ตัวที่ตามกลับมาได้ก็โชคดีไปตัวที่หายไปเลยก็มีไม่น้อย ตัวที่โชคร้ายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ก็มีพอสมควร เนื่องจากสุนัขจะมีปฏิกิริยาไวต่อเสียงดัง จะมีอาการกระวนกระวายตื่นเต้น และหวาดกลัว สิ่งที่เราควรทำก็คือ พยายามปลอบและดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงที่มีการจุดประทัด และต้องไม่ลืมที่จะปิดประตู ตรวจสอบและปิดกั้นช่องทางต่างๆ ที่สุนัขสามารถลอดผ่านออกมาและวิ่งเตลิดหายออกไปนอกบ้านได้ด้วยนะครับ
เรื่องถัดมาคือเรื่อง “อาหาร ขนม และของกิน” จากการไหว้และฉลองกันเนื่องจากมีอาหารหลายอย่างที่มีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายกับสัตว์เลี้ยงครับ ได้แก่...
1. กระดูกไก่ กระดูกเป็ด และก้างปลา โดยเฉพาะก้างกลางหรือกระดูกชิ้นใหญ่อื่นๆ ของปลาตัวโตๆ ที่เรานำมาไหว้ เนื่องจากความน่ากินไม่เคยปรานีใคร ประเด็นคือลักษณะฟันของสุนัขและแมว ไม่ได้สร้างมาเพื่อการเคี้ยวอาหารดังนั้นสุนัขและแมวจะฉีกหรือกัดอาหาร เพียงแค่พอให้แตกและเล็กลงพอที่จะกลืนได้เท่านั้น จากนั้นก็จะกลืนเข้าไปเลย ไม่ได้เคี้ยวจนละเอียดเหมือนมนุษย์เรา
เราจะสังเกตได้ว่ากระดูกไก่ (โดยเฉพาะส่วนกระดูกน่อง) เมื่อกัดหรือถูกทำให้แตก จะมีลักษณะที่แหลมคม ซึ่งเป็นอันตรายต่อหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ เช่นเดียวกับก้างกลางของปลาตัวใหญ่ ซึ่งเป็นอันตรายได้สูงมากครับ
2. ขนมเข่งหรือขนมเทียน ก้อนใหญ่ๆ ก็มีโอกาสติดคอได้ โดยเฉพาะบ้านที่เลี้ยงสุนัขหลายตัว ตัวไหนที่ตะกละหน่อยอาจกลืนเข้าไปเลยเพราะตัวอื่นมาแย่ง
3. อาหาร ผลไม้ และขนม หลายอย่างที่อาจส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย อย่างที่หลายคนทราบกันดี เช่น
- ขนมที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต และโกโก้ จะมีส่วนผสมของสารธีโอโบรมีน (theobromine) และคาเฟอีน(caffeine) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเมธิลแซนทีน (methylxanthine) ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและระบบไหลเวียนโลหิต ผลก็คือจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง เกิดอาการกระวนกระวาย ตื่นเต้น ตื่นตัวมากกว่าปกติ หากได้รับปริมาณมากเกินไปอาจทำให้หายใจหอบ ปัสสาวะมาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียกล้ามเนื้อกระตุก ไปจนถึงชักได้
- องุ่น ซึ่งเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาไหว้ ก็อาจทำให้สุนัขและแมวเกิดภาวะไตวายได้ โดยสัตว์จะมีอาการอาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตัวสั่น ขาดน้ำ ปัสสาวะน้อย จนกระทั่งไม่มีปัสสาวะเลยโดยมักเริ่มแสดงอาการหลังกินเข้าไป 6-12 ชั่วโมง คาดว่าสารที่น่าจะทำให้เกิดพิษคือ ฟลูออไรด์(fluoride) ถึงแม้ว่าจะยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัดแต่ก็อาจทำให้สุนัขเสียชีวิตได้เราควรต้องระวังครับ
- อาหารที่มีส่วนประกอบของหัวหอมและกระเทียมในอาหาร เนื่องจากมีส่วนประกอบของ thiosulphate ซึ่งสุนัขและแมว ไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยสารนี้ เมื่อได้รับสารนี้เข้าไปจะไปทำปฏิกิริยากับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้ผนังเม็ดเลือดแดงอ่อนแอ อายุสั้น และแตกในที่สุด จะเกิดภาวะโลหิตจาง เกิดอาการหอบ หายใจลำบาก เหงือกซีด หัวใจเต้นเร็ว(ส่วนกระเทียม จะมีส่วนประกอบของ thiosulphate น้อยกว่าในหัวหอม จึงอาจมีพิษน้อยกว่า)
ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงของเราเผลอไปกินอาหารต้องห้ามเหล่านั้นเข้าไป เราก็มีหลักในการจัดการเบื้องต้น ดังนี้ครับ
1.อย่าให้เจ้าตูบกินเข้าไปเพิ่มขึ้น โดยรีบเอาของอาหารเหล่านั้นที่ยังคาอยู่ที่ปากออกมา
2.พยายามทำให้สุนัขอาเจียนเอาอาหารที่กลืนเข้าไปแล้วออกมา (แต่ควรทำภายใน 1-2 ชม. แรกที่ได้รับเข้าไปเท่านั้น เพราะเราหวังผลว่าสารพิษเหล่านั้นยังไม่ถูกดูดซึมมากนัก) แต่หากทิ้งระยะเวลาไว้นานกว่านี้ สารเคมีเหล่านั้นถูกดูดซึมไปมากแล้ว การทำให้สัตว์อาเจียนตอนนั้น จะไม่มีผลอะไร เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้นถูกดูดซึมไปมากแล้ว
แต่สารบางประเภทที่มีฤทธิ์ระคายเคืองทางเดินอาหารมากๆ (เช่น กรดหรือด่าง) เราอาจต้องใช้วิธีลดการดูดซึมสารพิษในทางเดินอาหารสู่กระแสเลือดแทนที่จะให้ขย้อนออกมา โดยการป้อนผงถ่าน (activated charcoal)
3.รีบพาไปพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนอาการแย่จะทำให้การรักษายากมากขึ้น และที่ลืมไม่ได้เลย ต้องให้ข้อมูลของที่เป็นประโยชน์กับคุณหมอให้มากที่สุดด้วย เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีครับ
จะเห็นได้ว่า อันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้กับสัตว์เลี้ยงนั้นมีมากเราจึงต้องระมัดระวัง และป้องกันผลที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นเราควรดูแลสัตว์เลี้ยงในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด ตรวจสอบ ความแข็งแรงของประตูและรั้วที่สัตว์เลี้ยงอาจลอดออกไป ส่วนเรื่องอาหารไหว้ เราควรพิจารณาว่าสิ่งไหนเหมาะสมที่สามารถให้กินได้หรือไม่ได้ กระดูกและก้างปลาก็ควรเก็บให้มิดชิดก่อนทิ้งไม่ให้สัตว์เลี้ยงสามารถรื้อค้นมากินได้ เพียงเท่านี้เราก็สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดกับสัตว์เลี้ยงของเราได้แล้วล่ะครับ
หมอโอห์ม
ผศ.น.สพ.ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี