“ตับ” เป็นอาหารที่ผู้เลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่เลือกใช้เป็นเมนูหลักในบ้านที่ให้อาหารปรุงเอง (home made) เนื่องจากเข้าใจว่า ตับ อุดมไปด้วยสารอาหารหลายอย่าง โดยเฉพาะวิตามินเอ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเย้ายวนใจ กระตุ้นให้สุนัขกินอาหารได้เป็นอย่างดี เมื่อสุนัขกินอาหารได้ดี ก็จะทำให้เจ้าของเกิดความสุขไปด้วย แต่การทำแบบนี้ถูกต้องหรือเปล่า จะส่งผลดีต่อหรือผลเสียต่อสุนัขกันแน่ วันนี้ผมมีข้อมูลดีๆ จาก รศ.สพ.ญ.ดร.อุตรา จามีกร แห่งภาควิชาสัตวบาล คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาฝากครับ
@ การให้ตับเป็นอาหารประจำของสุนัขมีผลอย่างไร
เนื่องจากตับมีวิตามินเอสูงมาก ตับไก่หนัก 100 กรัม จะมีวิตามินเออยู่ประมาณ 10,000 I.U. ในขณะที่ถ้าเป็นตับหมูจะมีอยู่ประมาณ 21,000 I.U. แต่สุนัขและแมวจะมีความต้องการวิตามินเอของอยู่ที่ประมาณ 100-110 I.U. ต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวเท่านั้น
การให้สุนัขกินตับมากเกินไปในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ในภายหลังได้
เช่น สุนัขหนัก 10 กิโลกรัม ก็จะต้องการวิตามินเอเพียงแค่ประมาณ 1,100 I.U. (ประมาณ 11 กรัมต่อวัน) เท่านั้น ในขณะที่ถ้าให้ตับไก่ 100 กรัม ก็จะมีวิตามินเออยู่แล้ว 10,000 I.U. เท่ากับมากกว่าความต้องการไปถึง 10 เท่าทีเดียว
@ แล้วการที่กินตับแล้วได้รับวิตามินเอสูงมาก จะเป็นอันตรายต่อสุนัขอย่างไร
การที่จะทำให้เกิดภาวะความเป็นพิษนั้น สัตว์จะต้องได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหลายเดือน หรือว่าได้รับครั้งเดียวเลยในปริมาณมากๆ สัตว์ถึงจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติ
เช่น เมื่อได้รับวิตามินเอในปริมาณที่เกินความต้องการ ตั้งแต่ 100 เท่าถึง 1,000 เท่าขึ้นไป อาการเป็นพิษที่เจ้าของจะเริ่มสังเกตเห็นได้คือ ซึม น้ำหนักตัวลด ตอบสนองต่อการเรียกลดลง กินอาหารลดลง เกิดความผิดปกติของผิวหนัง อาจจะมีการหนาตัว ผิวหนังลอกผิวหยาบกร้าน ขนหยาบกระด้าง ไม่เป็นมันเงา นอกจากนี้ จะมีอาการที่ข้อต่อ เกิดอาการข้อแข็ง การขยับเขยื้อนอาจจะทำได้ลำบากมีอาการเจ็บขา แต่อาการพวกนี้ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นด้วยก็ได้ซึ่งต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นลูกสุนัขหรือสุนัขที่โตเต็มที่แล้วก็ตาม หากได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุล ก็สามารถทำให้เกิดความผิดปกติของร่างกายได้ วิตามินเอเป็นวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน หากร่างกายได้รับมากเกินไป ก็จะไปรบกวนการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันชนิดอื่นๆ เช่นวิตามินดี โดยจะไปเหนี่ยวนำให้ร่างกายขาดวิตามินดี ซึ่งเป็นสาเหตุร่วมที่จะทำให้เกิดความผิดปกติของพัฒนาการของกระดูก อาจจะทำให้ผิดรูปร่างหรือว่าลูกสุนัขมีอัตราการเจริญเติบโตช้าลง หรือมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติได้
นอกจากนี้ ในตับยังมีแร่ธาตุฟอสฟอรัสสูง เมื่อร่างกายได้รับเข้าไปมากๆ จะทำให้สัดส่วนของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกายเปลี่ยนแปลง ร่างกายจะสลายแคลเซียมจากกระดูกออกมาเพื่อปรับให้เกิดความสมดุลของแร่ธาตุทั้งสองชนิดนี้ จึงอาจทำให้สัตว์มีปัญหาเรื่องกระดูกบางได้อีก นี่ยังไม่รวมถึงเจ้าของสัตว์ที่มักจะปรุงรสให้จัดจ้านขึ้นด้วยน้ำปลาและซอสปรุงรสต่างๆ ตามความเข้าใจผิดๆ ที่ว่ายิ่งเค็มจะยิ่งอร่อย ก็จะทำให้สัตว์ได้รับแร่ธาตุโซเดียมมากขึ้นอีกหากได้รับในปริมาณมากต่อเนื่องกันนานๆ ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาการทำงานของไต จนถึงภาวะไตวายได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ในครอบครัวที่ให้อาหารสำเร็จรูปแก่สุนัขเป็นอาหารมื้อหลักโดยที่เป็นอาหารสำเร็จรูปที่ให้นั้นมีมาตรฐานภายใต้การควบคุม หรือมีการขึ้นทะเบียนถูกต้องทางกฎหมายอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสริมตับให้สัตว์กินเพิ่มเติม เนื่องจากในอาหารสำเร็จรูป (ที่มีมาตรฐาน) เหล่านี้ จะมีปริมาณของวิตามินเอเพียงพอกับความต้องการของสัตว์ในแต่ละวันอยู่แล้ว การให้ตับเสริม สามารถให้ได้ในปริมาณเล็กน้อย และเป็นบางวันเท่านั้น ไม่ควรให้เป็นอาหารมื้อหลักในปริมาณมาก
ส่วนครอบครัวที่ให้อาหารที่ปรุงเอง หรือ home made นั้นผู้เลี้ยงควรต้องพิจารณาสัดส่วนของอาหารที่ให้ในแต่ละวันให้เหมาะสมและมีความหลากหลายด้วย การให้อาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นประจำ เช่นให้ข้าวคลุกกับตับย่างทุกวันนั้น อาจทำให้เจ้าของสบายใจที่เห็นสัตว์กินอาหารได้เยอะ แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นจะเกิดตามมาอีกมากมาย ควรมีการเปลี่ยนแปลงอาหารที่ให้ในแต่ละวันให้มีความหลากหลาย เพื่อไม่ให้ได้รับสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป หรือขาดสารอาหารบางชนิดด้วยครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี