ในอาทิตย์ที่ผ่านมาทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายแดนของยูเครน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทหารรัสเซียเลือกที่จะทำการสู้รบ นั่นคือสัญญาณการเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปัจจุบันทุกอย่างยังคงอยู่ในความไม่แน่นอน แม้ว่าสถานการณ์ของรัสเซีย กับยูเครน รวมไปถึงกลุ่มนาโต (องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ) อียู (สหภาพยุโรป)และสหรัฐอเมริกา จะมีทีท่าที่ผ่อนคลายลงหลังจากการไปเยือนกรุงมอสโกของ“โอลาฟ ชอลซ์” นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศเยอรมนี ที่หิ้วข้อมูลต่างๆ ไปนั่งคุยกับประธานาธิบดี “วลาดีมีร์ ปูติน”กว่า 4 ชั่วโมง และออกมาแถลงข่าวร่วมกัน โดยมีใจความสำคัญว่า รัสเซียไม่ได้อยากทำสงคราม แต่มีความกังวลในเรื่องของความมั่นคง ดังนั้น การเจรจาจะต้องเกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้อย่างจริงจัง
“จนถึงตอนนี้ นาโตล้มเหลวในการแก้ปัญหาความกังวลด้านความมั่นคงพื้นฐานของรัสเซีย จึงขอเรียกร้องให้แก้ปัญหาเรื่องที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิกนาโตในทันที แม้ว่าตอนนี้ยูเครนจะยังอยู่ห่างไกลจากการเริ่มต้นกระบวนการยื่นเรื่องขอเข้าร่วมเป็นชาติพันธมิตรก็ตาม”
นอกจากนั้น ประธานาธิบดีปูติน ยังเทียบเคียงเหตุการณ์ที่นาโตรุกรานประเทศเซอร์เบีย ในช่วงทศวรรษที่ 90 โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่ากำลังจะเกิดขึ้นกับคนชาติพันธุ์รัสเซียในยูเครนตะวันออก ด้วยเหตุผลในเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งคนเหล่านั้นถูกยัดเยียดให้เป็นศัตรู หรือกองกำลังฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลยูเครน และกลุ่มนาโต
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับดอนบาส (ทางตะวันออกของยูเครน) เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนกลุ่มชาติพันธุ์รัสเซียในยูเครน” คำกล่าวนี้ของปูติน ได้รับการปฏิเสธโดยชอลซ์ และนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของเยอรมนี ได้แสดงความไม่เห็นด้วยในการเสริมกำลังทหารของรัสเซีย บริเวณชายแดนยูเครน พร้อมเรียกร้องให้การตัดสินใจทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นจากนี้ต่อไป กลับมาอยู่บนโต๊ะเจรจาที่มีทุกฝ่ายเข้าร่วม ด้วยจุดประสงค์ในการสลายความขัดแย้งดังกล่าวนี้ให้หมดไป
หลังแถลงการณ์ร่วมของรัสเซีย และเยอรมนี ที่มอสโก มีข่าวออกมาจากทางการรัสเซียว่า ได้ทำการถอนทหารบางส่วนออกจากชายแดนยูเครนแล้ว แต่ทางนาโต โดย “เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก” เลขาธิการใหญ่แห่งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ได้ออกมารายงานทันทีว่า ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดที่ชายแดนยูเครน กองกำลังขนาดมหึมาของรัสเซียยังคงตรึงกำลังในพื้นที่ตรงนั้นอย่างหนาแน่นซึ่งพร้อมทำการโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ
“ตอนนี้ภัยคุกคามจากรัสเซียได้กลายเป็นความปกติแบบใหม่ (New Normal)ในด้านความมั่นคงของยุโรปไปเสียแล้ว และนาโตกำลังพิจารณาจัดตั้งกลุ่มต่อสู้ใหม่ในภาคกลาง และตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่กำลังดำเนินอยู่ เพื่อเพิ่มการป้องกันยุโรปให้เข้มข้นขึ้น โดยใช้งบประมาณไปกว่า 2.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว นับตั้งแต่ปี 2557 กระนั้น นาโตยังคงพร้อมสำหรับการเจรจาทุกเวลา เพราะยังไม่สายเกินไปที่รัสเซียจะก้าวถอยหลังออกจากขอบเหวของความขัดแย้ง ที่สำคัญ นาโต ไม่ใช่ภัยคุกคามของรัสเซียแต่อย่างใด”
กระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ได้ส่งสารออกมา เพื่อตอบข้อเรียกร้องของเลขาธิการใหญ่แห่งนาโต ในทันทีว่า “เรื่องของคุณ เราไม่สนใจ”
แน่นอนว่า ชายแดนยูเครนยังคงคุกรุ่นไปด้วยความกังวลของคนแทบทั้งโลก แม้ว่าการโจมตีที่ทางสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร เคยคาดการณ์ว่า จะเกิดขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่าน จะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม นักวิเคราะห์ทางการเมืองระหว่างประเทศมองว่า “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา กำลังเล่นสงครามประสาทกับปูติน เพราะการออกมาประกาศว่า “รัสเซียจะบุกยูเครน” นั้น ในทางการเมืองแล้ว ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐคนนี้ “มีแต่ได้กับได้” เพราะถ้าบุกจริง ก็ถือว่าการข่าวของสหรัฐ แม่น แต่ถ้ารัสเซียไม่บุก ก็อาจทำให้คิดได้ว่า อำนาจของนาโต อียู และสหรัฐฯ ทำให้ปูตินต้องชะงัก ซึ่งการอยู่ในเกมเช่นนี้ของไบเดนนอกเหนือไปจากการพยายามแสดงแสนยานุภาพในความเป็นพี่ใหญ่ของโลกให้ทุกคนได้ตระหนักกันอีกครั้งแล้ว ยังมีผลในด้านบวกไปถึงภาวะผู้นำของไบเดนในฐานะเบอร์หนึ่งจากพรรคเดโมแครต ที่ส่งผลไปถึงความนิยมในการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ของสหรัฐอีกด้วย
“ยังคงมีความเป็นไปได้สูงที่รัสเซียจะบุกยูเครน แม้ว่าก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมรัสเซียจะประกาศถอนทหารบางส่วนออกจากพื้นที่ใกล้กับพรมแดนยูเครนแล้วก็ตาม ประเมินว่า ขณะนี้มีทหารรัสเซียราว 150,000 นาย ที่กระจายกำลังล้อมยูเครนอยู่ และยังไม่ได้รับการยืนยันว่ามีการถอนทหารจริงหรือไม่ ซึ่งจากการวิเคราะห์ของสหรัฐชี้ว่า กองทัพรัสเซียยังคงประจำการอยู่ในตำแหน่งที่ถือเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่ง แต่เรายังคงมีโอกาสที่จะใช้หนทางทางการทูตเพื่อปลดชนวนความตึงเครียดที่มีอยู่ ซึ่งทางรัฐบาลรัสเซียเองก็เห็นพ้องในเรื่องนี้ กระนั้น หากรัสเซียรุกรานยูเครน สหรัฐและพันธมิตรก็พร้อมที่จะตอบโต้อย่างเด็ดขาด และจะทำให้รัสเซียต้องเจ็บปวดทั้งทางเศรษฐกิจ และถูกโดดเดี่ยวจากโลก
สหรัฐและกองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย เช่นเดียวกับที่ยูเครนไม่ได้เป็นภัยคุกคามรัสเซีย สหรัฐและนาโตไม่มีขีปนาวุธในยูเครน และเราไม่ได้มีการที่จะนำขีปนาวุธไปติดตั้งที่นั่น เราไม่ได้ตั้งเป้าไปที่ผู้คนในรัสเซีย และไม่ได้พยายามทำให้รัสเซียสั่นคลอน สำหรับพลเมืองรัสเซีย คุณไม่ใช่ศัตรูของเรา และผมไม่เชื่อว่าคุณต้องการทำสงครามนองเลือด และทำลายล้างกับยูเครน แต่หากรัสเซียโจมตียูเครน ราคาที่ต้องจ่ายทั้งในด้านมนุษย์ และยุทธศาสตร์นั้น มากมายมหาศาล และโลกจะไม่ลืมว่ารัสเซียเลือกความตาย และการทำลายล้างโดยไม่จำเป็น”
นี่เป็นบางส่วนจากแถลงการณ์ล่าสุดของสหรัฐ โดยประธานาธิบดีไบเดน ที่ยังคงแสดงความเด็ดเดี่ยว และเตรียมพร้อม ผ่านบางข้อความในแถลงการณ์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งความเคลื่อนไหวในทำนอง “ขู่ไปปลอบไป”เช่นนี้เองที่ทำให้รัฐบาลจีน ในฐานะพันธมิตรทางการเมืองของรัสเซีย และคู่แข่งทางเศรษฐกิจคนสำคัญของสหรัฐต้องออกมาเบรกเกมของไบเดนบ้างด้วยการเตือนสหรัฐอเมริกาว่า อย่าคุกคามและสร้างความตึงเครียดในยูเครน เพื่อพาไปสู่ฉากจบที่ทุกคนไม่ต้องการ
“นี่เป็นการบิดเบือนข้อมูล และเป็นการก่อการร้ายด้านข่าวสาร ทำให้เหตุการณ์ดูรุนแรงเกินความเป็นจริง ซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ และการแบ่งแยกบนโลกใบนี้ ซึ่งก็มีปัญหาหลายอย่างอยู่แล้ว จีนจึงหวังให้ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องหยุดสร้างกระแสความวุ่นวาย และหยุดเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน เพื่อร่วมสร้างสันติภาพ ความไว้ใจ และความร่วมมือระหว่างกันจะดีกว่า”หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าว
เหตุการณ์ในครั้งนี้ ได้ดึงทุกประเทศมหาอำนาจของโลกใบนี้ มาเข้าร่วมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่า “การเจรจา” ไปสู่ทางออกของปัญหา โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น จะเป็นเป้าหมายร่วมของทุกฝ่าย และปัญหาเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด จะยังเป็นโจทย์ที่ทุกประเทศยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะ รัสเซีย ที่ความถดถอยทางเศรษฐกิจได้ฉุดความนิยมในตัวปูตินให้ลดลงมาอย่างต่อเนื่องก็ตามแต่เรื่องของศักดิ์ศรีมันไม่เข้าใครออกใครถ้าคำสัญญาที่เคยให้ไว้ และข้อตกลงที่เคยคุยกัน ถูกทำลายจนขาดสะบั้น สันติภาพที่พยายามรักษาก็ยากที่จะคงอยู่ได้ ท้ายที่สุด ก็หวังว่า ทุกฝ่ายจะใช้ความต้องการของประชาชนเป็นเงื่อนไขในการตัดสินใจ และหวังว่า คงไม่มีใครในประเทศไหน อยากให้คนมากมายต้องมาตายในระหว่างสงครามกันอีกครั้ง
...ขออย่าให้มันเกิดเช่นนั้นอีกเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี