คณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งประเทศไทย มีภารกิจในการหาแนวทางการรณรงค์การจัดหาผู้บริจาคโลหิต จัดหารายได้เพิ่มเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ทั้งภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน ได้จัดทำโครงการ Virtual Run “Run for Blood” วิ่งหาเลือด เพื่อผู้ป่วย 2023 ทั้งนี้เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 5 ธันวาคม 2566 เพื่อจัดหารายได้สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รณรงค์สร้างจิตสำนึกและเห็นความสำคัญของการบริจาคโลหิต ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้บริจาคโลหิต หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณกุศล ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพดีด้วยการวิ่ง โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 กันยายน 2566-5 ธันวาคม 2566 (96 วัน) โดยมีแบบที่ 1 ได้ทั้งสุขภาพและได้ทั้งบุญ วิ่ง Virtual Run วิ่งที่ไหน วิ่งเมื่อไหร่ก็ได้ ผู้สมัครจะได้รับเสื้อและเหรียญรางวัล (5 คนแรกที่วิ่งได้มากที่สุดจะลุ้นรับรางวัลพิเศษ) ค่าสมัคร 500 บาท เปิดรับสมัคร1 กันยายน-31 ตุลาคม 2566 ส่งผลวิ่ง 1 กันยายน-5 ธันวาคม 2566 รวม 96 วัน ปิดรับผลวิ่ง 5 ธันวาคม 2566 เวลา 00.00 น.จัดส่งเสื้อและเหรียญตั้งแต่ 18 ธันวาคม 2566
แบบที่ 2 สายบุญ ทำบุญซื้อเสื้อวิ่ง ตัวละ 300 บาทมี 10,000 ตัว ช่องทางการจำหน่ายเสื้อ 1) ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย 2) หน่วยเคลื่อนที่ที่รับบริจาคโลหิต 3) ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ทั่วประเทศ และ 4) งาน Event ต่างๆ
แบบที่ 3 สายให้ด้วยใจ บริจาคเงินเข้าบัญชี “Run forBlood วิ่งหาเลือดเพื่อผู้ป่วย” ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย บัญชีออมทรัพย์ 429-162199-3 ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
โลหิตเป็นส่วนที่สำคัญของร่างกายและชีวิต ถ้าเราไม่มีโลหิตเราจะตาย ถ้าเรามีแต่ไม่พอ เราก็จะอ่อนแอ การที่มีโรคโลหิตจางหลักๆ มาจาก 3 สาเหตุใหญ่ๆ คือ หนึ่ง ร่างกายไม่สร้างเม็ดโลหิต เช่น โรคไขกระดูกฝ่อ สอง จากการสูญเสียโลหิต เช่น อุบัติเหตุบนถนน อุบัติเหตุต่างๆ เลือดออกจากระบบทางเดินอาหาร เช่น จากแผลที่มีสาเหตุต่างๆ รวมทั้งกินยาแก้ปวดที่กัดกระเพาะ โรคมะเร็ง และสาม มีการทำลายเม็ดเลือดแดง
ในประเทศไทยเรามีประชาชนประมาณ 66 ล้านคน ตามแนวทางปฏิบัติขององค์การอนามัยโลก แนะว่าแต่ละประเทศควรมีประชาชนผู้บริจาคโลหิต 3% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งถ้าเป็น 3%ของประชากรไทย ประเทศไทยควรมีประชาชนผู้บริจาคโลหิต 1.98 ล้านคน แต่เรามีผู้บริจาคโลหิตเพียง 1.5 ล้านคน หรือ 2.27% เท่านั้น
ความจริงการที่ประเทศไทยมีผู้บริจาค 1.5 ล้านคนเท่านั้น ถึงแม้จะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ หรือแนวทางที่องค์การอนามัยโลกวางไว้ แต่ในจำนวน 1.5 ล้านคนนี้ มีผู้บริจาคโลหิตถึง 1 ล้านคนที่บริจาคโหลิตเพียง 1 ครั้งต่อปี ทั้งๆ ที่ร่างกายสามารถบริจาคได้ทุก 3 เดือน หรืออีกนัยหนึ่ง ประชาชนแต่ละคนสามารถบริจาคได้ถึง 4 ครั้งต่อปี
ลองคิดดูว่า ถ้าประชาชน 1 ล้านคนที่บริจาค 1 ครั้งต่อปี จะกรุณาบริจาคเพิ่มเป็น 2 ครั้ง 3 ครั้ง และ 4 ครั้งต่อปี อะไรจะเกิดขึ้น ผลก็คือ ปัญหาของโลหิตที่ไม่เพียงพอกับความต้องการโลหิตของประชาชนชาวไทย จะหมดไปอย่างสิ้นเชิง
และเนื่องจากประชาชนชาวไทยมักชอบบริจาคโลหิตในช่วงวัน พิธีการ ที่สำคัญ เช่น วันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ฯลฯ ทำให้ช่วงนี้การให้บริการประชาชนอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ประชาชนจึงอาจไม่พอใจในการให้บริการของศูนย์ แต่ในวันธรรมดา วันปกติ มักจะมีประชาชนบริจาคโลหิตน้อยกว่าความต้องการของผู้ป่วยทั่วประเทศ
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงพยายามรณรงค์ส่วนตัว ด้วยการกราบเรียนเชิญประชาชนผู้มีจิตศรัทธาให้พิจารณาไปบริจาคโลหิตในเดือนของวันเกิดตัวเอง ซึ่งเป็นการทำบุญให้ตัวเองที่ดีที่สุดในวันเกิด และจะเป็นการกระจายการบริจาคโลหิตที่ดีอีกด้วย เพราะคิดว่าคนไทยทั้งประเทศคงมีการเกิดกระจายไปทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน อย่างทั่วถึง
จึงขอเรียนเชิญครับท่านที่มีอายุถึง 17 ปี (ถึง 70 ปี) กรุณาพิจารณาไปบริจาคโลหิตในเดือนที่ท่านเกิด รับรองว่าท่านจะแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพราะบุญกุศลที่ท่านทำ รวมทั้งมีรายงานทางการแพทย์มากพอที่จะพูดว่าการบริจาคโลหิต ทำให้สุขภาพผู้บริจาคแข็งแรงมากยิ่งขึ้นครับ
การบริจาคโลหิตเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ ง่าย ยิ่งให้ยิ่งได้ร่างกายจะแข็งแรงยิ่งขึ้น เป็นการฝึกไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดต่างๆ อีกด้วย และเป็นการเพิ่มคุณค่าของประวัติท่านด้วยครับ ถ้าไปสมัครงาน เชิญเลยนะครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี