เมื่อเจ้าของตรวจช่องปากของสุนัขด้วยตัวเองแล้วพบว่ามีหินปูนเกาะที่บริเวณโคนฟันแต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำการขูดหินปูนหรือไม่ขั้นตอนที่เราต้องทำก็คือ
1.พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ก่อนเลยเพื่อทำการตรวจสุขภาพช่องปาก (และสุขภาพร่างกายไปในตัว)
2.สัตวแพทย์จะทำการประเมินสภาพช่องปากของสุนัขอย่างคร่าวๆ และตรวจร่างกายโดยทั่วไปเพื่อเตรียมความพร้อม หากมีความจำเป็นต้องทำการขูดหินปูนให้
3.คุณหมอจะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจสุขภาพ ประเมินว่าสัตว์เลี้ยงมีสุขภาพแข็งแรงเหมาะสมที่จะได้รับการวางยาสลบและขูดหินปูนหรือไม่ (ในบางราย หากมีความจำเป็น คุณหมออาจจะทำการ X-ray ช่องอกเพื่อดูความผิดปกติของปอดและหัวใจด้วย)
4.เมื่อประเมินแล้วพบว่าสัตว์มีความพร้อมต่อการวางยาสลบและขูดหินปูน ก็จะนัดหมาย “วันขึ้นเตียง” กัน และแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนวางยาสลบ
5.ก่อนการวางยาสลบ สัตว์จะต้อง “งดทั้งน้ำและอาหารเป็นเวลา 12 ชั่วโมง” ก่อนเวลานัด เนื่องจากการวางยาสลบนั้น จะทำให้สุนัขสูญเสียความสามารถในการไอและการกลืน เพราะหากมีอาหารอยู่ในกระเพาะอาหาร อาจเกิดการสำลักเข้าปอด ทำให้สัตว์ตายได้
ในการวางยาสลบสำหรับการขูดหินปูน เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรใช้การวางยาสลบชนิดแก๊สหรือ “ยาดมสลบ” เพื่อให้สลบแบบราบรื่นตลอดการขูดหินปูน เนื่องจากยาสลบชนิดดมนั้นมีความปลอดภัยมากกว่ายาสลบชนิดฉีด
ยาดมสลบจะอาศัยปอดในการกำจัดยาเป็นหลัก ทำให้ควบคุมระดับความตื้นและลึกของการสลบได้ดีกว่ายาสลบชนิดฉีด ส่วนยาสลบชนิดฉีดนั้นจะถูกทำให้หมดฤทธิ์ที่ตับขับออกทางไต ซึ่งต้องอาศัยการทำงานของร่างกายสัตว์ในการขจัดยาออกจากร่างกายมากกว่ายาดมสลบ รวมถึง “การสอดท่อช่วยหายใจ” (ในการนำยาสลบเข้าปอด) นั้น ยังเป็นการป้องกันไม่ให้ละอองน้ำและละอองจากการขูดหินปูนประเด็นเข้าหลอดลมอีกด้วย
6.เมื่อขูดหินปูนเสร็จแล้ว สัตวแพทย์จะทำการ “ขัดฟันด้วยผงขัดฟัน” เพื่อลบรอยขีดข่วนที่เกิดจากเครื่องมือที่ใช้ในการขูดหินปูน เพื่อให้ผิวฟันเรียบ ลดการสะสมของคราบอาหารและจุลินทรีย์ที่ผิวฟัน เพราะเมื่อคราบจุลินทรีย์ที่สะสมที่ผิวฟันไประยะเวลาหนึ่งก็จะเกิดการตกตะกอนของแร่ธาตุในน้ำลายเกิดเป็นหินปูนขึ้นอีกได้
ส่วนในกรณีที่มีฟันโยกมากๆ
สัตวแพทย์อาจทำการถอนฟันซี่นั้นออก และทำการเย็บเหงือกเพื่อปิดรอยแผลที่เหงือก ซึ่งรอยแผลจากการถอนฟันนั้น อาจเป็นช่องทางที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่โพรงประสาทฟันที่ขากรรไกรได้
ในกรณีที่มีการถอนฟันหรือเหงือกอักเสบมาก สัตวแพทย์มักจะจ่ายยาปฏิชีวนะและยาลดอักเสบให้กินติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ด้วย ดังนั้น การป้อนยาให้สัตว์เลี้ยงกินตามที่สัตวแพทย์แนะนำมีความสำคัญมากครับ
ภายหลังการถอนฟันควรทำอย่างไร?
หากมีการถอนฟันร่วมด้วย ภายหลังถอนฟันควรให้สุนัขกินอาหารนิ่มๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ และให้กินน้ำเยอะๆ หลังอาหารด้วย เพื่อเป็นการทำความสะอาดคราบอาหาร แนะนำว่าควรใช้กระบอกฉีดยาฉีดน้ำสะอาดไปที่เหงือกและบริเวณที่มีแผลเย็บหลังกินอาหารด้วย เพื่อเป็นการลดปริมาณเศษอาหารที่จะติดตามโคนฟันเหงือก และปมไหมเย็บ และภายหลังถอนฟันไปแล้วประมาณ1 เดือน เจ้าของควรเริ่มหัดให้สุนัขยอมรับการแปรงฟัน และทำการแปรงฟันให้แก่สุนัขวันละ 1 ครั้ง ด้วยครับ
เจ้าของจะดูแลสุขภาพช่องปากของสุนัขด้วยตนเองได้อย่างไร?
เจ้าของสามารถดูแลสุขภาพช่องปากสุนัขด้วยตนเองได้หลายวิธีได้แก่
-การแปรงฟัน/เช็ดฟันให้สุนัข
-การให้สุนัขกินอาหารที่มีความสามารถในการขัดฟัน
-ให้เล่นของเล่นที่มีคุณสมบัติช่วยขัดฟัน
-ในกรณีที่สุนัขมีอายุมากเจ้าของควรหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในการกิน การเคี้ยว และในช่องปาก โดยควรเปิดปากสุนัขดูเพื่อตรวจดูว่ามีหินปูน แผล หรือก้อนเนื้องอกหรือไม่ ซึ่งควรทำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพราะหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
การแปรงฟันให้แก่สุนัขมีความจำเป็นหรือไม่
อยากเรียนว่า การแปรงฟันในสุนัขมีความสำคัญเหมือนในคนครับ เจ้าของควรทำการแปรงฟันให้แก่สุนัขด้วย เนื่องจากการแปรงฟันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดคราบอาหาร และคราบจุลินทรีย์ที่มาสะสมบนผิวฟัน ซึ่งคราบอาหาร และคราบจุลินทรีย์ หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดการตกตะกอนของแร่ธาตุในน้ำลาย กลายเป็นหินปูนโดยในทางทฤษฎีควรแปรงฟันหลังกินอาหารทุกครั้ง หรืออย่างน้อยที่สุดแปรงฟันให้สุนัขวันละครั้งในช่วงหลังอาหารมื้อเย็นครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ผู้อำนวยการสำนักงานสภามหาวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี