ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในประโยชน์ ความจำเป็น ความสำคัญ ของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ มาตลอดจนถึงทุกวันนี้
จากข้อมูล Our World In Data พบว่าภายใน 50 ปีที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ได้ ช่วยลดการเสียชีวิตของเด็กได้ 150 ล้านคนในช่วงปี ค.ศ.1974-2024 หรือช่วยชีวิตเด็ก 1 คนต่อทุก 10 วินาที ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของ Andrew Shattock 2024 โดยจาก 153.84 ล้านที่ไม่ตายเป็นเพราะฉีดวัคซีนป้องกัน measles ถึง 93.71 ล้านคน บาดทะยัก 27.95 ไอกรน 13.17 ล้านคน, วัณโรค 10.87 ล้านคน ฯลฯ
วันนี้ขอเขียนเรื่องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือ influenza ผมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนเกิดปัญหาสำหรับผม เมื่อวันที่ 7/12/2565 หลังจากนั้นประมาณกลางปี 2566 ผมจะไปฉีดอีกแพทย์บอกเร็วไป รอให้ใกล้ครบปีผมจึงรอ ปรากฏว่าใกล้ๆ ธันวาคม2566 ที่กะจะไปฉีดวัคซีนผมดันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เสียก่อน!!
และยังโชคร้ายที่หลังจากนั้นผมมีโรคแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่คือ ปวดหัวมาก มีความดันในสมองสูงจากสภาวะที่เรียกว่า “post influenzaaseptic meningititis” หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อหลังเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อการวินิจฉัย และรักษาอยู่เกือบ 2 สัปดาห์
พอหายดีผมจึงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เป็น high dose (คือมีวัคซีนปริมาณมาก) ที่มี 4 สายพันธุ์ไวรัส (ต้องจ่ายเงินเอง เบิกไม่ได้ 1,350 บาท)
แต่ไม่น่าเชื่อ!? เมื่อวันที่ 12/8/2567 หลังฉีดได้เพียง 2 เดือนเศษๆผมเริ่มมีอาการจาม น้ำมูกไหล นิดหน่อย วันรุ่งขึ้นวันที่ 13 จามมาก น้ำมูกไหลมาก วันที่ 14/8/2527 เริ่มรู้สึกว่าตนเองตัวรุมๆ คล้ายๆ มีไข้ วัดได้37.5 องศาเซลเซียส 2 ครั้ง อาการที่สำคัญเวลาผมไม่สบายทางด้านระบบหายใจ คือ ตัวรุมๆ ซึ่งถ้าวัดจะพบว่ามีไข้ทุกที อาการอื่นๆ แทบไม่มี ส่วนอาการจาม น้ำมูก ไม่สบายในคอ รวมทั้งไม่สบายที่อก ผมเป็นบ่อยมาก ซึ่งคิดว่ามาจากการแพ้อากาศ บางครั้งตื่นมาดีๆ น้ำมูกไหล แล้วหายไปเอง ปกติถ้าถูกพัดลม แอร์ ตรงตัว น้ำมูกจะไหล ฯลฯ
ผมตรวจ ATK โควิด 2 ครั้งก็ไม่มี (วันที่ 12,13 ส.ค.) จึงติดต่อกับคุณหมอกำพล อาจารย์ทางด้านโรคติดเชื้อที่จุฬาฯ ที่ดูแลผมอยู่ทางด้านนี้ ได้รับคำแนะนำว่าตอนนี้ไข้หวัดใหญ่และเชื้อ RSV (respiratory syncytial virus)ระบาด จึงแนะนำให้ไปซื้อ rapid test kit ที่ตรวจได้ทั้งไข้หวัดใหญ่ชนิด A, B, โควิด และเชื้อ RSVรวม 4 ตัว ในวันที่ 14/8/2527 ตรวจพบว่าเป็น flu A !? ไม่มี flu B,COVID, RSV อ.กำพล จึงสั่งยาต้านไวรัส oseltamivir (tamiflu)มาให้ทาน 5 วัน 1 เม็ด เช้า-เย็น ยานี้สำหรับผู้ใหญ่ที่แข็งแรงทั่วๆ ไป อายุไม่มาก คงไม่ต้องทาน แต่ผมอายุมากแล้ว มีความเสี่ยงมาก คุณหมอจึงสั่งให้ทาน ทั้งๆ ที่มีอาการไม่มาก ยานี้ต้องทานภายใน 48 ชั่วโมงแรกของการเป็นโรคจึงจะได้ผลดีที่สุด จะช่วยลดระยะเวลาที่เป็นและความรุนแรงของโรค
อาการของไข้หวัดใหญ่ของผมหลักๆ คือ จามถี่มาก น้ำมูกไหล แต่เป็นวันเดียว ตัวรุมๆ มีไข้ 37.5 เป็นวันเดียวเช่นกัน ไม่ไอ ไม่มีเสมหะ ไม่เจ็บคอ มีปวดศีรษะบ้าง มีอาการเพลีย ซึ่งหลังหายแล้วยังมีเพลียอยู่บ้าง
หลายๆ คนที่ไม่ชอบฉีดวัคซีน อาจบอกว่า เห็นไหม ขนาดฉีดวัคซีนป้องกันแล้วยังเป็น ผมไม่เถียงเลย เพราะการฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกัน 100% เป็นการลดโอกาสที่จะติด ถ้าติดก็ไม่น่าที่จะเป็นขั้นรุนแรง ถึงเข้า รพ. หรือถึงกับเสียชีวิตได้ ผมเองฉีดมาหมดทั้งไข้หวัดใหญ่ โควิด ทุกปี ก็ติดมาแล้วโรคละ 2 ครั้ง แต่คิดว่าอาการที่เป็นๆ ไม่มาก
ผมเป็นคนที่ชอบมองโลกในแง่ดี มี growth mindset มีทัศนคติที่เป็นบวก แทนที่จะคิดว่าฉีดแล้วยังเป็น ผมกลับคิดว่า นี่ขนาดฉีดนะ ยังเป็น ถ้าไม่ฉีดอาจเป็นรุนแรงกว่านี้ อาจต้องเข้า รพ. อาจถึงกับเสียชีวิต หรือต้องรักษานาน ยุ่งยาก ใส่ท่อหายใจ เครื่องช่วยหายใจ และถ้าต้องให้ยาปฏิชีวนะผมจะยิ่งแย่ เพราะขี้แพ้ยามาก ฯลฯ
อาการของโรคระบบทางเดินหายใจหลายๆ โรคมีอาการเหมือนๆ กัน เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ชนิด A, B, โควิด เชื้อ RSV ฯลฯ ถ้าไม่มีการระบาดโรคหนึ่งโรคใดในช่วงนั้นอาจบอกยาก วิธีหนึ่งในสมัยนี้ที่ดีที่สุด คือ การไปซื้อ rapid test kit มาตรวจตนเอง มีแบบที่ตรวจ COVID เท่านั้น ที่ตรวจไข้หวัดใหญ่ (flu A, B), COVID, ที่ตรวจ flu A, B and RSV ฯลฯ และทั้ง 4 เชื้อเลย คือ ที่ตรวจ flu A, B, COVID and RVS
ทำไมผมถึงติดเชื้อ flu, โควิด อย่างละ 2 ครั้ง ทั้งๆ ที่ (เพิ่ง) ฉีดวัคซีนป้องกัน และทั้งๆ ที่ผม ออกกำลังกาย นอน กินอาหารที่ค่อนข้างดีคือ ผักมากๆ ผลไม้เป็นหลัก เท่าที่ผมวิเคราะห์เอง คือ หนึ่ง อายุ การที่มีอายุมากเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด สอง ผมมีโรคความดันเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ถึงแม้คุมได้ดีมากจนทุกอย่างปกติ สาม ผมอาจออกกำลังกายมากไป เช่น เดินทุกวัน วันละอย่างน้อย 10,000 ก้าวบางวันที่เป็นวันหยุดอาจเกือบ 20,000 ก้าว สี่ ปัจจัยเสี่ยงอีกอันหนึ่งคือ โปรแกรมผมเต็มตลอดเป็นช่วงๆ บรรยายค่อนข้างบ่อยใช้เสียงบ่อย เช่น เดินทางไปต่างจังหวัด 2-3 วัน กลับมาไปต่างประเทศกลับมาไปต่างจังหวัด โดยแทบไม่มีวันว่างเลย (โดยผมคิดว่านอนวันละ7-8 ชั่วโมง ก็เป็นการพักผ่อนที่ดีแล้ว) และผมอยู่ท่ามกลางคนจำนวนมาก อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เป็นร้อยเป็นพันคน ฯลฯ
ผมคงต้องลดกิจกรรมบ้าง หรือให้มีช่วงว่างระหว่างกิจกรรมบ้าง นอนให้ดีทุกวัน 8 ชั่วโมง กินให้ดีแบบเดิม ออกกำลังกายไม่เกิน 10,000 ก้าวต่อวันก็พอแล้ว ออกกำลังกายมากไปก็จะลดภูมิคุ้มกันได้เหมือนกัน
เดินสายกลางในชีวิตเป็นสิ่งดีที่สุด-moderation in life-ศาสนาพุทธสอนไว้เสมอ
ปัญหาคือ เวลาผมสบายดี ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรก็ได้ วิ่งไล่ฟัดได้อย่างไม่หมดแรง ทำอะไร 100% ทุกอย่างและทำหลายอย่าง ไม่เจียม body(ตัว)เลย ลืมไปว่าอายุขึ้นเลข 8 ไปแล้ว ใจไหวแต่กายไม่ไหว
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้างในการดูแลสุขภาพของท่านเอง
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี