บ้านเราถือว่าโชคดีมากที่มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย และไม่ค่อยมีภัยธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ ฯลฯ เหมือนบางประเทศที่มีแทบทุกอย่าง ของเรามีอยู่เพียง 2 อย่างเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น คือ ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง
เราน่าที่จะแก้ปัญหาได้นานแล้ว เพราะหลักการการแก้นั้นง่ายมาก และถ้าแก้น้ำท่วมได้ก็จะเป็นการแก้น้ำแล้งไปในตัว
น้ำท่วม น้ำแล้ง เกิดจากอะไร ปัจจุบันนี้คงต้องโทษสภาวะโลกร้อน-global warming ซึ่งขณะนี้อาจเรียกว่า global boiling แล้ว (โลกเดือด) ซึ่งมาจาก Climate Change (CC.) หรือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ผลของ CC. ทำให้มีอุบัติการณ์จากการเปลี่ยนแปลงทางอากาศแบบสุดขั้วมากขึ้น บ่อยขึ้น รุนแรง นานขึ้น เช่น ฝนตกหนักมากและนาน น้ำท่วม น้ำแล้ง พายุ อากาศร้อนจัดจนถึงคลื่นความร้อน ฉะนั้นตั้งแต่บัดนี้ และตลอดไป ทุกๆ คนต้องช่วยกันป้องกัน ลดสภาวะ CC. ด้วยการปลูกต้นไม้ ลดการใช้พลังงานจาก fossil (ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซ) อยากให้รัฐบาลทำคู่มือแบบง่ายๆ แนะนำวิธีการต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตนเองเท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่อลดปัญหา CC. เช่น ปลูกต้นไม้ ปิดแอร์ ปิดไฟเมื่อไม่อยู่ในห้อง ไม่กินเนื้อวัว หมู แพะ แกะ หรือกินมากไป ฯลฯ ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกันทำไป ถ้าเอาคนทั้งประเทศ ทั้งโลก มาช่วยกันคนละไม้ละมือก็จะลดการปล่อย CO2 และก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ได้มากพอสมควร รวมทั้งการปลูกต้นไม้ก็จะช่วยดูดซึมก๊าซ CO2 ได้อีกด้วย
เช่นกันตั้งแต่บัดนี้รัฐบาล (และประชาชน) ต้องเอาจริงเรื่องการป้องกันน้ำท่วม น้ำแล้ง หลักการง่ายๆ คือ เก็บน้ำฝนที่ตกให้ไว้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่ทราบจากท่าน อาจารย์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุลเคยเขียน พูดว่า เราเก็บน้ำฝนได้เพียง 3 หยดจาก 100 หยดเท่านั้น!?เราต้องพยายามเก็บน้ำฝนให้ได้มากที่สุด ด้วยการสร้างที่เก็บน้ำให้ทั่วประเทศตั้งแต่เหนือจดใต้ สร้างอ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ห้วย หนองคลอง บึง ฝาย มีคลองชลประทานทั่วประเทศให้มากที่สุดที่จะทำได้และถึงแม้มีที่เก็บน้ำมากที่สุดแล้ว จะต้องมีทางเดินของน้ำที่เก็บไม่ได้หรือที่เก็บเต็มแล้วให้ไหลลงทะเลมากและเร็วที่สุด ด้วยการสร้างทางด่วนให้น้ำไหลลงทะเลอย่างรวดเร็วที่สุดจะได้ไม่ไปรบกวนชาวบ้าน
รวมทั้งน้ำที่ตก ถ้ามีป่า มีต้นไม้มากๆ ต้นไม้ ป่า จะดูดซึมน้ำไว้ได้มาก และจะค่อยๆ ปล่อยน้ำออกมา ฉะนั้นถ้าทุกๆ คนพยายามปลูกต้นไม้คนละต้น 2 ต้น เป็นประจำก็ช่วยดูดซึมทั้งน้ำ และ CO2 ได้มากทีเดียว
อีกอันหนึ่งที่ถ้าเป็นไปได้ ทำได้ จะดีและเป็นประโยชน์มาก คือ การเชื่อมเขื่อนต่างๆ และที่เก็บน้ำใหญ่ๆ ทั่วประเทศให้ถึงกัน ถ้าเขื่อนทางภาคใต้น้ำเต็มจะได้ส่งต่อไปให้ทางภาคเหนือ อาจสร้างแม่น้ำสายใหม่จากแม่น้ำเจ้าพระยาหรือแม่น้ำสายอื่นให้แยกออกมาจากแม่น้ำหลัก ให้ไหลไปยังที่ต่างๆ ทำคล้ายๆ ก้างปลา แล้วอาจนำ
แม่น้ำสายใหม่นี้ลงสู่ทะเลเลย หรือทำให้มันกลับมาสู่แม่น้ำเดิมที่อยู่ต่ำกว่าเดิม รวมทั้งขุดลอกแม่น้ำ ลำคลอง สร้างริมฝั่งให้สูงขึ้นตามความเหมาะสม
ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ถ้าสรุปแบบกำปั้นทุบดิน คือมาจากคนคนทำให้โลกร้อน-เดือด ทำให้มีปัญหาของดินฟ้าอากาศแบบสุดขั้วฉะนั้นทุกๆ คนต้องทราบถึงปัญหา รัฐบาลต้องช่วยแนะนำประชาชนวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยกันป้องกัน ลดปัญหาโลกร้อน รวมทั้งไม่ทิ้งขยะไปทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน
ถ้าทุกๆ คนมีความรู้และช่วยกัน ถึงแม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆสำหรับคนหนึ่ง แต่ถ้า 66 ล้านคนช่วยกันก็จะมีความหมาย
นี่เป็นเหตุผลทำไมผมถึงพูดเสมอว่า ถ้าทุกคนในประเทศเป็นคนดี ปัญหาต่างๆ จะหมด หรือเบาลงเป็นอย่างมาก ถ้าทุกคนเป็นคนดีจะทำอะไรก็ง่ายไปหมด เพราะจะทำเพื่อส่วนรวม ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
ในปี พ.ศ.2554 ที่มีน้ำท่วมใหญ่มาก มีการสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจถึง 1.44 ล้านล้านบาท! เสียไปเปล่าๆ ถ้าเราเอาเงินจำนวน 1.44 ล้านล้านบาท มาใช้ในการป้องกันน้ำท่วมน้ำแล้งตั้งแต่ตอนนั้นป่านนี้เราคงสบายแล้ว ผมไม่ทราบว่าปัญหาอยู่ตรงไหน คนไทยเก่งๆ ก็มีมาก เงินจะว่าไม่มีก็ไม่ใช่ เพราะเรายังเสียได้ไปเปล่าๆ ถึง 1.44 ล้านล้านบาท
รัฐบาลต้องมีหลักการว่าปีหน้าน้ำต้องท่วมน้อยกว่าปีนี้และปีโน้นต้องท่วมน้อยกว่าปีหน้า ฯลฯ โดยคำนวณว่าน้ำฝนตกปริมาณเท่ากัน
ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันครับ คนละเล็กละน้อยในทุกๆ ทางเท่าที่จะทำได้
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี