ทุกวันนี้จะพบว่าคนจำนวนไม่น้อยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงด้วยความรักและความเมตตา โดยเห็นว่าสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกของครอบครัว บางบ้านเรียกน้องหมา น้องแมวว่าลูก แล้วแทนตัวเองว่าเป็นพ่อแม่ของน้องๆ เหล่านั้น จึงพบว่าการดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงอย่างดีไม่ต่างจากการที่มนุษย์พึงจะได้รับบางครอบครัวจัดอาหาร เสื้อผ้า และการดูแลรักษาโรคให้น้องๆ ลูกๆ สัตว์เลี้ยงดีเยี่ยม และยังพาไปออกกำลังกายสม่ำเสมออีกด้วย ดังเห็นได้ว่าปัจจุบันมีสถานที่เฉพาะสำหรับเดินเล่น และออกกำลังกายของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ของเหล่าสมาชิก 4 ขา ทราบหรือไม่ว่าการออกกำลังกายของเด็กๆ ต้องเลือกลักษณะการออกกำลังกายให้เหมาะสมด้วย เพราะการออกกำลังกายบางประเภทอาจส่งผลให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของเราบาดเจ็บเป็นอันตรายได้
การออกกำลังกายที่เหมาะสมตั้งแต่สัตว์เลี้ยงยังมีอายุน้อยจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของข้อต่อและกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งส่งผลดีในระยะยาวต่อสัตว์เลี้ยง เมื่อเขามีอายุมากขึ้นเพราะว่าเมื่อสัตว์เลี้ยงมีอายุมากขึ้น ความแข็งแรงของข้อต่อต่างๆ จะลดลงและเสื่อมสภาพตามวัย
คำถามคือ ออกกำลังกายแบบใดจึงจะเหมาะสมกับลูก 4 ขา ของคุณๆ วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กันนะคะ
การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงในทุกช่วงวัย ควรเป็นแบบ low impact exercise คือ ออกกำลังกายที่เกิดแรงกระแทกกับข้อต่อน้อย เช่น
1.การเดิน (walking) เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงทุกเพศทุกวัย เพียงแต่ควรปรับช่วงเวลาเดินออกกำลังกายให้เหมาะสมกับอายุและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว การเดินออกกำลังกายที่ดี คือพาเดินระยะเวลาสั้นๆ แต่สามารถพาเดินหลายๆ ครั้งใน ١ วัน ในระหว่างเดินควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในสายจูงตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงวิ่งเล่นไปไกล จนเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างเดินสามารถให้น้องๆ หยุดพักเป็นช่วงๆ หรืออาจแวะให้หยุดดมกลิ่นต่างๆ เพื่อช่วยกระตุ้นจิตใจ และสร้างความผ่อนคลายให้สัตว์เลี้ยงในเวลาเดินเล่น ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเดินออกกำลังกายควรเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไป ขอย้ำว่าไม่แนะนำให้เดินช่วงแดดแรงมากๆ เพราะอากาศที่ร้อนเกินไป ทำให้สัตว์เลี้ยงปฏิเสธการเดินออกกำลังกายและอาจทำให้ฝ่าเท้าสัตว์พองหรืออักเสบได้ เพราะพื้นมีความร้อนจัด
2.ว่ายน้ำ (swimming) เป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาข้อต่อ รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่แข็งแรง แต่ต้องการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้มากขึ้น การว่ายน้ำจะมีแรงพยุงจากน้ำช่วยพยุงตัวสัตว์เลี้ยง ทำให้แรงกระแทกที่จะเกิดกับข้อต่อของสัตว์เลี้ยงมีน้อยมาก เมื่อเราพาสัตว์เลี้ยงไปว่ายน้ำ ต้องใส่เสื้อชูชีพให้เขาทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของสัตว์ แต่จะพบว่าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทุกตัวชอบว่ายน้ำเสมอไป บางตัวกลัวการว่ายน้ำมาก ดังนั้นขอแนะนำว่าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่กลัวการลงน้ำ จึงต้องเริ่มจากการพาสัตว์เลี้ยงไปทำความคุ้นเคยกับการออกกำลังกายในน้ำก่อน เช่น พาเดินออกกำลังกายในระดับเช่นน้ำตื้นๆ เช่น ระดับข้อเท้า หรือระดับเข่า เช่น พาไปเดินชายหาด หรือถ้าเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ให้ฝึกเดินในอ่างน้ำที่บ้านก่อน จนสัตว์เลี้ยงเริ่มชินหรือลดความกลัว จากนั้นจึงเพิ่มระดับความสูงของน้ำทีละน้อย และให้ฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอ เช่น สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จนกระทั่งสัตว์เลี้ยงไม่กลัว จึงเริ่มพาไปว่ายน้ำ ส่วนในกลุ่มสัตว์สูงวัย หรือกลุ่มมีปัญหาบาดเจ็บของขา หากต้องการให้ออกกำลังกายในน้ำ แนะนำว่าควรพาสัตว์ไปพบสัตวแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพ และปัญหาเบื้องต้นก่อนว่าสัตว์เลี้ยงสามารถว่ายน้ำได้หรือไม่ และหลังการว่ายน้ำ จะต้องดูแลผิวหนังและขนให้เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงโรคผิวหนังที่อาจเกิดตามมา
3.การเล่นค้นหา (nose work) ทำให้สัตว์เลี้ยงต้องใช้ประสาทสัมผัสเพื่อดมกลิ่น ร่วมกับการใช้ขาและร่างกายเพื่อค้นหาขนมหรือของเล่นที่ถูกซ่อนไว้ จัดเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้สัตว์เลี้ยงสนุกและผ่อนคลาย ถือเป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัยต่อข้อต่อ และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจของสัตว์เลี้ยงด้วย การออกกำลังกายด้วยเทคนิคนี้ สามารถทำได้โดยใช้ขนมหรือของเล่นซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ในกล่อง หรือในแก้วน้ำที่คว่ำไว้ หรือซ่อนในอุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับในการเล่นซ่อนหาขนมก็ได้ เมื่อใช้ขนมกับการออกกำลังกายของสัตว์เลี้ยง ต้องกำหนดปริมาณขนมที่ใช้ให้เหมาะสม เพื่อป้องกันสัตว์กินมากจนอ้วน
4.การฝึกปฏิบัติตามคำสั่ง (learning commands) ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของได้อย่างดี ทำให้ผู้เลี้ยงกับสัตว์ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ทำกิจกรรมร่วมกัน และช่วยให้สัตว์เชื่อฟังคำสั่งมากขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้สัตว์เลี้ยงด้วย เช่น การสั่งลุก-นั่ง (sit-stand exercise) ช่วยให้ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นขาหลังแข็งแรงขึ้น หรืออีกวิธีคือการขอมือ(shake hand exercise) จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและข้อต่อของขาหน้า และการสั่งให้หมอบหรือนอนก็ได้ การออกกำลังกายด้วยการฝึกปฏิบัติตามคำสั่งควรฝึกแบบสั้นๆ แล้วพักเป็นระยะๆ หรือเปลี่ยนคำสั่ง เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงเกิดอาการเหนื่อยมากไป หรืออาจเบื่อจนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง
5.การเล่นเบาๆ (gentle play sessions) เป็นกิจกรรมที่ทำได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน กิจกรรมชวนเล่นภายในบ้าน เช่น เล่นดึงของเล่นหรือชักเย่อด้วยเชือกหรือของเล่นแบบเบาๆ ทำให้สัตว์เลี้ยงได้ออกแรงดึงของเล่นสู้กับแรงของคนเลี้ยง ส่วนกิจกรรมออกกำลังกายนอกบ้าน เช่น ปาลูกบอลเพื่อให้วิ่งไปเก็บบอลกลับมา ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้สัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์สนุกผ่อนคลาย ขอแนะนำว่าการเล่นปาลูกบอลหรือเล่นชักเย่อ ต้องควบคุมแรงของการดึงให้เหมาะสม ไม่แรงเกินไป และต้องหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงว่ามีอาการไม่สบายหรือไม่ แล้วต้องหยุดเล่นทันทีเมื่อสัตว์เล่นรุนแรงเกินไป ส่วนการวิ่งเก็บลูกบอลหรือสิ่งของ ควรทำเล่นสนามหญ้า เพราะพื้นสนามหญ้าจะนุ่มมากกว่าพื้นคอนกรีต และช่วยลดแรงกระแทกต่อข้อต่อได้
ทั้งหมดนี้คือกิจกรรมเพียงบางส่วนที่ช่วยให้สัตว์ได้ออกกำลังกายที่เกิดแรงกระแทกกับข้อต่อน้อย ผู้เลี้ยงควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสม และพอดีกับสัตว์เลี้ยง เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจให้กับลูกๆ 4 ขาของคุณได้อย่างดี
สพ.ญ.นภาภรณ์ เสนารัตน์
หัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสัตว์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี