ผมบินไป Seattle ออกจาก กทม. เช้าวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 เวลา 09.35 น. บินไปถึง Tokyo สนามบิน Haneda ใช้เวลา 6 ชม. คือ ถึงเวลา 17.30 น. (ญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชม.) รอเครื่อง 3 ชม. ออกจาก Haneda 21.15 น. ถึง Seattle (ใช้เวลาบิน 8 ชม.เศษ) 13.30 น. สรุปแล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 18 ชม. (6+3+9) แต่กลับถึง Seattle ในวันเดียวกัน คือ 13.30 น. ของวันเสาร์?! ทั้งนี้เพราะ Seattle ช้ากว่าไทย 14 ชั่วโมง
ถ้าเราบินไปอังกฤษเราจะได้กำไร 6-7 ชั่วโมง แล้วแต่ฤดูร้อน (6) ฤดูหนาว 7 ชม. ถ้าเราไปอเมริกาเราจะได้กำไร 10-14 ชม. แล้วแต่เมือง รัฐ ไปญี่ปุ่นเราก็เสียเวลา 2 ชม.
ผมเดินทางโดยสายการบิน ANA ของญี่ปุ่น สะดวกสบายมากสำหรับผม กล่าวคือ ออกจากสุวรรณภูมิ 09.35 น.ไม่เช้าเกินไป ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่น จากบ้านผมถ้ารถไม่ติดใช้เวลา35 นาที ไปสุวรรณภูมิ ตื่นตี 05.30 น. ยังได้ ไปถึงสนามบิน 07.00 น. ก็ได้ เราไปถึง 06.45 น. แทบไม่มีคน คิวสั้นนิดเดียวจองตั๋วไว้นานแล้ว economy ไปกลับประมาณ 55,000 บาท ANA ให้กระเป๋า load ได้ 2 ใบ แต่ละใบหนักไม่เกิน 23 กก. (การบินไทยให้น้ำหนักเพียง 30 กก. กระเป๋าเดียว) และถือขึ้นเครื่องได้อีก 1 ใบ เราไป 14 กันยายน กลับ 27 ยาวพอสมควรสำหรับผม แต่ผมก็เอากระเป๋าไปใบเดียวซึ่งหนักเพียง 21 กก. ขี้เกียจแบกของมาก เพราะไปเมืองหนาวคงไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อย คราวนี้มาส่งหลานสาวตาเข้ามหาวิทยาลัย จึงไม่ต้องเอาเสื้อผ้าทางการมา ขนาดเอาเครื่อง cpap (ช่วยการนอนกรนและหยุดหายใจ) load ในกระเป๋าใต้ท้องเครื่องบินมาด้วย ส่วนกระเป๋าถือก็ใช้กระเป๋าผ้าใบบางๆ (เพื่อขากลับจะได้ใส่ในกระเป๋าใหญ่ได้)ใส่ยาที่ต้องกินบนเครื่อง power bank ที่ charge ต่างๆ นานามี cardigan และเสื้อหนาวแบบเบา (Paragonia) แต่กันลมกันฝน กันหนาว ได้ดีมาก มี hood (หมวก) ที่คลุมหัวได้เผื่อฝนตกไม่หนักก็ป้องกันได้
ผมกินยาหลายอย่าง ความดัน เบาหวาน ไขมัน ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระดับปกติที่ดีมาก แต่ต้องกินยา ยาจึงมีมากมาย ต้องขอให้แพทย์เขียนมาด้วยว่าเป็นโรคอะไร ใช้ยาอะไรอยู่ เผื่อทางการที่นี่ขอดูกระเป๋าจะได้ไม่ว่าอะไร
ที่สนามบิน Haneda ลง Terminal 2 แล้วต้องเดินไปขึ้นรถ bus นั่ง 15 นาที ไป Terminal 3 ที่นี่กินอาหารกันเล็กน้อยที่ food court ลูกและหลานสาวซื้อชาเขียวญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่งที่เขาชอบ
ที่นั่ง economy ของ ANA มีพื้นที่สำหรับขากว้างมาก ขนาดผม ลูกเขย ซึ่งสูงใหญ่กว่าผม ยังนั่งสบาย จาก Haneda ที่ๆ ผมที่นั่งเป็นริมทางเดินทางฝั่งซ้าย ที่ตรงกลางแถวติดกับผมไม่มีคน มีแต่คนนั่งติดริมหน้าต่าง ลูกเขยนั่งหลังผมริมทางเดินเช่นกันแต่มีคนนั่งตรงกลาง หลานสาวนั่งริมทางเดินตรงแถวกลางด้านขวา หลังผม 1 แถว ริมทางเดินด้านซ้ายแถวกลางมีคนต่างชาติ ไอตลอดทางไป Haneda โชคดีนิดที่ๆ ตรงกลางระหว่างเขาและหลานว่างสรุปผม ลูกเขย หลานสาว นั่งรอบคนคนนี้ที่ไอตลอด ไม่ใส่หน้ากาก หวังว่าเขาไม่เป็น covid. flu หรือโรคอะไรที่ติดต่อได้
จาก กทม. ไป Haneda มีอาหาร 1 มื้อเป็นไก่ มันบด ก็โอเค จาก Haneda ไป Seattle 8-9 ชม. มี dinner and lunch ก็คล้ายๆ มื้อแรก มีสติวเนื้อ แต่หาเนื้อไม่พบ อาหารกลางวันก่อนถึง Seattle มีปลาชิ้นเล็กๆ และข้าว ฯลฯ ผมผิดหวังเล็กน้อยนึกว่า ANA อาหารจะดีกว่านี้
มาถึง Seattle 13.30 น. เร็วกว่ากำหนดเกือบชั่วโมงที่นี่แปลก รับกระเป๋าก่อนแล้วลากกระเป๋า อีนุงตุงนังไปตรวจคนเข้าเมือง เรามาเป็นครอบครัวจึงตรวจพร้อมกัน เขาถามว่ามาทำอะไร พอบอกว่ามาส่งหลานเข้า U ก็รู้สึกว่าเป็นกันเอง ถามว่า มานานเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน (บ้านเช่า) เอาเงินสดมาเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้พกเงินสดกันไม่มาก เขาไม่ให้นำเงินสดเข้าประเทศเกินกว่าจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นหมื่นๆ เหรียญอยู่แล้ว มาเรียนคณะอะไร ถ่ายรูป ตรวจนิ้วมือลูกสาวผมคนเดียว หลังจากตม.ก็ออกประตูเลย พบเพื่อนชื่อคุณชัยมารับที่ทางออก
เดิมเราจะเช่ารถขับเอง 1 คัน และจ้าง Grab ไปส่งเราที่บ้านเช่าอีก 1 คัน เพราะมา 4 คน กระเป๋าใส่รถคันเดียวไม่พอ 4 คนมีกระเป๋าใหญ่ 6 ใบ (หลานสาว 3 ใบ ใบละ 10-22 กว่า กก.คนอื่นคนละใบ) พอเพื่อนทราบเลยกรุณาขับรถมารับ โดยรถเขาสามารถรับกระเป๋าใหญ่ได้ 3 ใบ จากสนามบินเราไปที่บ้านพักก่อน ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบิน ประมาณ 30-40 นาที สนามบินมีชื่อว่า Seattle-Tacoma Airport ถึงบ้านเอาของลง แล้วรีบไป Cosco เลย (ที่ Cosco จะเข้าได้ต้องเป็นสมาชิกหรือมีสมาชิกพาไป คุณชัยเป็นจึงต้องเข้าเลยวันนี้ Cosco มีของเยอะมาก ราคาถูกมาก แต่ต้องซื้อที่เป็นลังๆ หรือปริมาณมาก ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับเรา) ตอนประมาณ 17.30 น. เขาปิด 18.00 น.เพื่อซื้อของที่จำเป็นไว้ใช้ที่บ้านเช่า เราออกจาก Coscoประมาณ 18.10 น. แล้วตรงไป super market จีน ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มาใช้ กิน ที่บ้าน ซื้อของเสร็จเราก็กินอะไรง่ายๆ แถวๆ นั้น เช่น เกี๊ยว ก๋วยเตี๋ยว ผัดผัก ที่ร้านจีนเล็กๆแถวๆ นั้น เราสั่งมา 6 จาน 5 คน แต่กินหมดไป 3 จานเท่านั้น ทั้งๆ ที่รู้สึกว่ากินมากแล้ว แต่จานมันใหญ่มาก เราเลยใส่กล้องกลับบ้าน ที่นี่คงเป็นประเพณี เพราะทุกร้านมีกล่องให้เอาอาหารที่เหลือกลับบ้าน ผมว่าไป 4 คน สั่งกับข้าว 2 จานบวกข้าวสวยยังน่าจะพอ ผมเองปัจจุบันนี้กินผักเป็นกะละมัง แต่กินข้าวสวยนิดเดียว
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี