ที่บ้านเช่าหลังบ้านมีที่จอดรถ 2 คันเท่านั้นภายในที่ของบ้าน แต่หน้าบ้าน ริมถนนจอดได้ จะเข้าบ้านต้องขึ้นบันไดมาถึงประตูบ้านที่มีที่ล็อกที่ไม่ใช้กุญแจ แต่ใช้กด code เอา เข้าบ้านแล้วผ่านอีก 2 ห้องแล้วขึ้นบันไดไปถึงห้องเรา ซึ่งเป็น Penthouse Suite ก่อนเข้าห้องเรา จะต้องกด code อีก ที่นี่สะดวกสบาย เจ้าของบ้านไม่ต้องมารอรับและแนะนำเราให้รู้จักบ้าน ที่เช่ารถก็เหมือนกัน จากสนามบินนั่งรถที่ให้บริการฟรีไปที่บริษัทเช่ารถเลยจัดการเรื่องธุรการเสร็จก็ให้กุญแจไปเอารถเอง ถ้าเป็นกะเหรี่ยงไม่ค่อยรู้เรื่องก็จะยุ่งหน่อย เราก็เป็นกะเหรี่ยง รู้บ้างไม่รู้บ้าง ก็พอถูไถไปได้ คนที่เก่งสุดคือ หลานสาว! ใช้เทคโนโลยีคล่องมาก เป็นคนจองบ้าน จองรถ!? อายุ 18 ปีเท่านั้น
ค่าเช่ารถและประกันเต็มที่ (เฉพาะค่าประกัน 30%) รวม 1,100 เหรียญ (14-27/9/2024) ค่าเช่าบ้าน 102,900 บาท(อยู่ 4 คน 13 คืน) หรือคืนละ 7,915 บาท หรือคนละ 1,978 บาทต่อคนต่อคืน ถูกกว่าไปนอนโรงแรม มีครัวให้หุงหาอาหารกินกันเองง่ายๆ ที่ๆ เราเช่ามีห้องน้ำ ห้องส้วมอยู่รวมกันเพียง 1 ห้องเวลาเปิดห้องน้ำมีเครื่องทำความร้อน เครื่องดูดอากาศ ทำให้เวลาหน้าหนาวไม่หนาว น้ำร้อนๆ ดี มีห้องนอนเตียงใหญ่ 2 ห้องห้องหนึ่งใหญ่กว่าอีกห้อง ลูกสาวนอนกับลูกสาวเขา ผมนอนห้องเดี่ยวคนเดียว ลูกเขยนอนในห้องนั่งเล่นที่มีเตียงแบบโซฟา มีครัว และมีโต๊ะสำหรับ 4 คน ถือว่าสะดวกสบายพอสมควร จากชั้นที่เราอยู่มีบันไดขึ้นไปดาดฟ้า ที่มีโต๊ะ เก้าอี้ 4 ตัว เวลาอากาศดี ขึ้นไปดื่มเบียร์ ไวน์ ดูภูมิอากาศรอบๆ บ้านก็สวยดี ลูกเขยซักเสื้อผ้าและเอามาตากบนนี้
ที่ดี คือ บ้านอยู่ 100 เมตร จากทะเลสาบ Green lake ซึ่งสามารถเดิน (ผม, หลาน) วิ่ง (ลูกสาว, ลูกเขย) รอบทะเลสาบได้เพราะเป็นระยะทางเพียง 4.4 กม. เช้าวันที่ 15 ลูกสาวไปวิ่งรอบมา 1 รอบลูกเขยวิ่ง 2 รอบ วันที่ 16 มีลูกเขยคนเดียวไปวิ่ง 2 รอบอีกเช่นเคย
เช้าวันแรกวันที่ 15 ตื่นมาก็ทำชาเขียว กาแฟดื่ม ผมกิน“ผักกาดแก้ว” ที่นี่เรียกว่า-Romaine Hearts กินเปล่าๆ เกือบหมดจาน (ผมกินแบบนี้ทุกมื้อ วันละ 3 มื้อ ถ้าอยู่บ้าน)ลูกทำไข่ดาว ไส้กรอก ผัดเห็ด และ bagel ปิ้งกินกับเนย หรือ peanut better กับแยม ซึ่งก็อร่อยดี มาที่นี่อากาศดีมาก 12-20 องศาเซลเซียส สบายมากเลยครับ ตลอดช่วงที่เราอยู่ ไม่หนาวมาก เย็นสบายดี มีฝนตกวันที่มาถึงนิดหน่อยช่วงเดินทางมาที่บ้าน และ 2 วันสุดท้ายเท่านั้น
มหาวิทยาลัยหลานสาวเปิดเรียนวันพุธที่ 18 กันยายน 2567 แต่เขาต้องการเข้าพักที่หอก่อนวันเรียน จะได้ชินกับชีวิตมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นความคิดที่ถูกต้อง ไม่ใช่เกาะติดกับพ่อแม่จนวินาทีสุดท้าย เขาจองห้องเป็นห้องคู่ มี room mate เป็นคนอเมริกัน เชื้อสายเม็กซิโก อยู่ในรัฐ Washington นี่เอง เรียนพยาบาลปีที่ 2 room mate หลานชอบหอนี้มาก ปี 2 จึงอยู่ต่อ ห้องเล็กนิดเดียว แต่จัดได้ดีมาก ใช้เนื้อที่เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่ละห้องมีเตียงนอนที่สูงระดับเข่าได้ มีโต๊ะทำงานคนละโต๊ะ มีตู้เก็บเสื้อผ้าคนละตู้ ใต้เตียงมีตู้เก็บของได้อีก ห้องมีหน้าต่าง แต่เพื่อนในห้องนอนที่ริมหน้าต่างอยู่แล้ว ข้างฝาตรงโต๊ะทำงานของแต่ละคนมีหิ้งไว้วางของ
ก่อนที่จะถึงห้องนอนของหลาน จะต้องผ่านประตูรวมเข้า “cluster” หรือกลุ่มห้องนอน 6 ห้องที่ต้องใช้กุญแจเปิด ใน cluster จะมีห้อง 6 ห้อง รวมอยู่ 10 คน มีห้องเดียว 2 ห้อง 2 คน อีก 4 ห้องรวมเป็น 10 คน ภายใน cluster จะมีห้องน้ำรวม และมีห้อง commonroom ไว้นั่งเล่น ที่นี่มีตู้เย็นที่ต้องเช่าเองสำหรับแต่ละห้อง มีmicrowave (ไม่ทราบว่าของส่วนรวมหรือต้องเช่ามาเอง)มีโซฟาให้นั่งได้ มีโต๊ะกลมเล็กๆ เก้าอี้ 4 ตัว หลานสาวเอาหม้อหุงข้าวไปด้วย แต่ผมไม่ทราบว่าหลานจะเอาไว้ที่ไหน คงเก็บไว้ในห้องนอน อาจหุงที่ห้องนอนหรือในห้อง common room แต่คาดว่าส่วนใหญ่จะกินอาหารของมหาวิทยาลัย ไม่ที่หอ ก็ที่ร้านอาหารของมหาวิทยาลัย เพราะเขาเก็บตังค์ค่าอาหารไปแล้ว เราจ่ายตังค์ไปล่วงหน้าโดยบอกว่าจะกินวันละ 2 มื้อ รู้สึกจะเป็นมื้อเช้าและมื้อเย็น
ที่หอพัก มีแต่เตียงให้เรา เราต้องซื้อของเองหมด เช่น ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ฉะนั้น 2-3 วันแรกเราจึงไปshopping กันใหญ่ ซื้อโน่นนี่ให้หลาน ทำเรื่องซื้อ package internet ทำเรื่องบัญชีธนาคาร จิปาถะ ก็สนุกดี มหาวิทยาลัยนี้มี mascot เป็นสุนัขพันธ์ุ Huskies ซึ่งสวยน่ารักดี และมีเครื่องหมายย่อๆ คือ ตัว W (Washington ชื่อของรัฐและชื่อของมหาวิทยาลัย ชื่อเต็มคือ University of Washington, Seattle หรือมีชื่อเล่นว่า U-Dub) เราก็ไปซื้อเสื้อผ้าของใช้ที่มีอักษร W กันยกใหญ่ มหาวิทยาลัยเขาฉลาดมีการขายเสื้อของใช้ที่มีคำว่า W-Dad, Mom, Grand dad, Grand mom ฯลฯ ด้วย ผมจึงซื้อด้วย และลูกซื้อให้ภรรยาผมด้วย ส่วนหลานสาว พ่อ แม่เขา ไม่ต้องพูดถึง ซื้อหลายตัวมาก สวย ดีด้วย แต่เนื่องจากเป็น brandคนชอบซื้อ จึงมีราคาแพงพอสมควร รวมทุกอย่างที่เกี่ยวกับUniversity of Washington มีราคาแพงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นถ้วยกาแฟ หมวก ของใช้ต่างๆ นานา
มาคราวนี้ผมก็ถือโอกาสซื้อเสื้อผ้าที่ผมต้องใช้ทุกวัน เพราะใช้ได้ดี ใส่สบาย สวย ราคาดี ผมไม่เกาะติดยี่ห้อ อะไรที่ใส่สบาย สวย ที่ผมชอบ ผมจะซื้อ ไม่ต้องเป็นของ brand หรือมีราคาแพง อย่างเช่นเสื้อ Polo ราคา 130 เหรียญ ผมไม่ชอบเลย (เท่าที่เห็น) แต่ชอบยี่ห้อหนึ่ง ชื่อ “Good fellow” ซึ่งตรงกับสเปกที่ผมชอบใช้ตลอด และลองใส่แล้วดูดี ชอบ สบาย จึงซื้อ
ผมโชคดี ของที่ผมใช้ ชอบ มักมีราคาไม่ค่อยแพง!? 555
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี