หลายคนคงเคยเจอที่โดนคนขายหรือผู้ให้บริการพูดจาไม่เข้าหู หรือไม่พอใจท่าทางยียวนกวนความโกรธหรืออารมณ์ จนบางครั้งมีเรื่องถกเถียง ด่าทอ ทำร้าย หรือยิงกันก็มี

ผลก็คือตำรวจต้องมาจัดการเพื่อดูว่าใครถูก ใครผิด

คนทำผิดก็ต้องไปโรงพัก หากร้ายแรงก็อาจไม่เสียแค่ค่าปรับ ติดคุกไปก็มีทั้งผู้ซื้อและผู้ขายก็ได้

ที่สำคัญร้านอาจเสียลูกค้า ถ้าทำให้ลูกค้าไม่พอใจ

การค้าขายจึงต้องมีการสื่อสารที่ดี โดยเฉพาะผู้ขายบริการ ต้องยอมรับว่าลูกค้าคือพระเจ้า เราทำให้เขาโกรธ เขาก็อาจขายของกับลูกค้าคนนี้ไม่ได้ ยิ่งภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างปัจจุบัน ควรบริการลูกค้าด้วยดีทั้งคำพูดและท่าที เพื่อความอยู่รอดของเรา ถ้าเราบริการไม่ดี เขาก็ไปซื้อที่อื่น

ดูตัวอย่างต่อไปนี้ ที่ผู้ให้บริการเป็นที่ประทับใจลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง จะทำตามหรือไม่ก็ไปตรองเอาเอง

ในแต่ละวัน คาโรล จะโดนลูกค้าร้องเรียนเป็นประจำ แต่เธอได้รับการลงคะแนนเสียงเป็น “บุคคลที่ลูกค้าเป็นสุขในการร้องเรียนมากที่สุด” เพราะไม่ว่าลูกค้าจะร้องเรียนเท่าไร เธอจะยิ้มแย้มแจ่มใสบริการอย่างเต็มที่ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเธอหูหนวกจึงไม่ได้ยินเสียงลูกค้าโมโหโกรธาด่าว่าเธอตลอด 17 ปี

คาโรลทำงานในบริษัทอะไหล่รถยนต์ ลูกค้าบางคนมาพร้อมกับบังโคลนที่โดนชนก็คงโมโหที่เสื้อผ้าสกปรกแต่เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็นและพูดจาให้ลูกค้าสบายใจว่า “คุณสวยซื้อเสื้อผ้าชุดนี้มาจากที่ไหนเหมาะกับรูปร่างที่ผอมลง”

ผลก็ก็คือลูกค้าไม่ต่อว่าคาโรลต่อไป เธอเองก็ไม่ใส่ใจคำต่อว่า และบริการต่อไปอย่างดี

คาโรล กล่าวว่างานของเธอ การที่เธอหูหนวกช่วยเธอได้อย่างดี ตอนแรกมาทำงานตอนหูไม่หนวก เธอเครียดมาก เพราะไม่ว่าลูกค้าจะบ่นหรือว่ากล่าว ด่าทอเท่าไร เธอแทบอุดหูด้วยความโกรธ ดีว่าหูหนวก มิฉะนั้นคงลาออกไปแล้ว

หูหนวกจึงเป็นสิ่งช่วยให้งานไม่ประจำของเธอไปได้ดี นี่เป็นเหตุพองานเลิกจึงไปเป็นผู้ตัดสินการแข่งขันร้องเพลงคาราโอเกะช่วงหยุดสุดสัปดาห์

หูหนวกทำไมตัดสินได้ หูหนวกจริงไหม