ผมโดนทักบ่อยๆ จากเพื่อนๆ คนรู้จัก ลูกศิษย์ รวมทั้งผู้ที่เพิ่งพบ ว่า“ทำไม? 80 ยังแจ๋ว” “อาจารย์ไม่เปลี่ยนเลยใน 10-20 ปี เห็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นตลอด” (ก็แก่มาตั้งแต่หนุ่มไง!? 555)
“ไปทำหน้ามาเหรอ หน้าตึงเชียว” (ผู้หญิงชอบถาม-แล้วมันเรื่องอะไรของท่านล่ะ?! คำตอบคือ ไม่เคย)
“ไปฉีดโบท็อกซ์มาเหรอ” (อีกแล้ว!?) “กินสเตียรอยด์หรือ?!”
แม้แต่อาจารย์แพทย์ฝรั่งที่เพิ่งคุยกันในการประชุมวิชาการทางด้านระบบทางเดินอาหาร FNM2024 ที่ศูนย์สิริกิติ์วันก่อน ยังแปลกใจที่ผมอายุ 82 ปีแล้ว เขาเองเพิ่ง 52 ปี และอีกหลายๆ คนแต่ส่วนหนึ่งเพราะฝรั่งเป็นหนุ่มสาวเร็วกว่าไทยและแก่เร็วกว่าไทย ฯลฯ
ผมถือว่าผมโชคดีมาก โชคดี ที่เทวดา ธรรมชาติ ปรานีต่อผม
แต่ผมก็ยังสอนลูกศิษย์เสมอว่า เราต้องสร้างโชคให้ตนเองด้วย อย่าพึ่งเทวดา หรือโชคเท่านั้น ผมชอบสุภาษิตที่ว่า “เทวดาช่วยผู้ที่ช่วยตนเอง” (ในทางที่ดีนะครับ)
จริงๆ แล้วผมอาจดูไม่เลวนักในสายตาผู้เห็น แต่ข้างในร่างกายผมกลวง!? 555 ผมมีโรคประจำตัวมากมาย ไขมันในเลือดสูงความดันโลหิตสูง เบาหวาน เอ็นร้อยหวายขาด เอ็นเข่าขาด ผ่าตัดต่อมลูกหมาก ฯลฯ แต่ทั้งหมดถูกควบคุมจนอยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยการมีพฤติกรรมที่เหมาะสม คือ ออกกำลังกาย อาหาร ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (มาก-ปกติอยู่บ้านไม่ดื่มเลย แต่ลูกศิษย์แสนทะลึ่งคนหนึ่งบอกว่า “แต่อาจารย์ไม่เคยอยู่บ้าน”!? มันแสบแค่ไหน) ไม่สูบบุหรี่ มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย (คือไม่มีเลย 555) ไม่ใช้สิ่งเสพติด ระวังการหกล้ม ทำใจให้สบาย ลดความเครียดด้วยการวางแผน ปล่อยวาง ตรวจร่างกายเป็นระยะๆ (บ่อยมาก) คือ ติดตามกับคุณหมอหลายๆ ยี่ห้อ บางยี่ห้อบ่อยมาก เช่น ตา (2 ยี่ห้อ) หัวใจ เบาหวาน ประสาท (2-3 คน) เวชศาสตร์ฟื้นฟู ฯลฯ ตรวจคัดกรองหาโรคเป็นระยะๆ เช่น โรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
และผมก็ยังเป็นตะคริวตอนกลางคืนอีกด้วย เป็นได้ทุกกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่เท้า น่อง แต่ที่มือก็เป็นด้วย ตะคริวมีหลายสาเหตุ เช่น จากการขาดเกลือแร่ เช่น sodium, potassium, magnesium ขาดน้ำออกกำลังกายมากไป ขาดวิตามิน B12 ฯลฯ ผมเองคิดว่าผมกินอาหารครบทุกหมวดหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ จึงไม่เชื่อว่าผมขาดอะไร(แต่ยอมรับว่าขาดวิตามิน D ซึ่งกินอยู่) รวมทั้ง magnesium ซึ่งผมไปตรวจก็ไม่ขาด แต่หลังจากเป็นตะคริวบ่อยมากๆ ทุกคืน ผมเลยยอมกิน magnesium ที่ลูกศิษย์จ่ายมาให้เป็นเดือนแล้ว แต่ไม่ยอมกิน ปรากฏว่าตั้งแต่กิน magnesium แทบไม่เป็นตะคริวอีกเลย
คนเราเรียนรู้ทุกวัน ขนาดตรวจเลือด magnesium ไม่ขาดก็ยังขาด!?
คุณพ่อคุณแม่ผมเป็นโรคหลอดเลือด เช่น หัวใจ อัมพาต เบาหวานฯลฯ แต่โรคต่างๆ ที่เรามีนั้นประมาณ 30% เท่านั้นที่มาจากพันธุกรรม ที่เหลือมาจากพฤติกรรมเราเองและสิ่งแวดล้อมๆ ซึ่งก็คือ โลกร้อนฝุ่นละออง มลภาวะที่เป็นพิษ ผมเองไปเติบโตที่อังกฤษตั้งแต่อายุ11.5 ขวบ จน 28 ปี ที่อังกฤษเล่นกีฬาทุกวัน ผมจึงชอบเล่นกีฬาออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็กๆ และจนถึงบัดนี้ ส่วนอาหารการกินไม่มีความรู้จนจบแพทย์ และเพิ่งมารู้จริงไม่กี่ปีนี่เอง
อาวุธที่จะช่วยทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้และอย่างมีความสุข คือต้องมีทัศนคติที่เป็นบวก มองโลกในแง่ดี ทุกอย่างพัฒนาได้ รักในสิ่งที่ทำ และกัดไม่ปล่อย และต้องเป็นคนดีที่เก่ง รอบรู้ และมีสุขภาพที่ดี ทั้งกายและใจ และต้องปล่อยวาง รู้จักวิธีป้องกัน ลด ความเครียดและวิธีจัดการกับมัน
โชคดีที่ผมทำอะไรก็สนุก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานให้สภากาชาดไทย ไปบรรยายที่ไหนๆ ก็สนุก อ่านหนังสือก็สนุก กินก็สนุก ดื่มก็สนุก ออกกำลังกายก็สนุก พอไปฟังการบรรยายต่างๆ นานา ก็จะไปเปิดอ่านต่อลงรายละเอียด เรื่องที่ไม่รู้ก็ไปเปิดอ่าน เช่น postbiotic, blue zone ฯลฯ จะอ่านจนละเอียด รู้หัวใจของเรื่อง แล้วจะเขียนลงหนังสือพิมพ์แนวหน้าวันอาทิตย์ เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ไปด้วย โดยจะเขียนง่ายๆ ให้เข้าใจได้อย่างง่ายดาย
ผมจะกินอาหารหนักไปทางพืช ผัก ปลา ไก่(ไม่มีหนัง)เป็นหลัก น้ำหวานไม่แตะเลย ของหวาน ขนม ที่บ้านไม่มี แต่ไปข้างนอกก็นานๆ ที เนื้อวัวนานๆ ที เนื้อแปรรูปน้อยที่สุด ไม่หวาน ไม่เค็ม มันน้อยหน่อย
ผมจะออกกำลังกายด้วยการเดิน ถ้ามีเวลา วันละ 10,000 ก้าว สำหรับผมคือ 6 กม. ถ้าว่างเช้า-เย็นก็เดินเช้า-เย็นครั้งละ 60 นาที และพยายามเคลื่อนไหวมากๆ ในชีวิตประจำวัน คือไม่นั่งนาน ระหว่างเดินก็ฟังธรรมะไปด้วยของท่านพระอาจารย์ชยสาโร ฯลฯ บางทีหุ้นบางทีสุทธิชัย หยุ่น ฯลฯ ผมจะไม่เดินเฉยๆ แต่ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ หายใจลึกๆ ยกแขนในท่าต่างๆ ไปด้วยเวลาออกกำลังกาย
ผมพยายามนอน 7-8 ชม.ต่อคืน โดยมีพฤติกรรมการนอนที่เหมือนกันทุกคืน คือนอน เวลา 22.00-22.30 น. และตื่น 05.30-06.00 น.ทุกเช้า พบว่าถ้านอนดึกเกินเวลาที่ตั้งใจ จะนอนไม่ค่อยหลับ โชคดีที่มักนอนรวดเดียว ไม่ต้องตื่นกลางคืน ถ้าตื่นก็ไม่เกิน 1 ครั้ง
ผมพยายามลดความเครียดด้วยการป้องกัน คือ การวางแผนการทำงาน การเตรียมตัวบรรยาย การประชุมฯ การเดินทาง การเงิน แล้วจะทำเต็มที่ ตรวจผลการทำงาน เมื่อรู้ว่าผิดตรงไหน จะวางแผนการแก้แล้วปล่อยวาง คือไม่เก็บมาคิดให้รกหัว อย่างน้อยก็พยายาม
แต่ผมเป็นคนใจร้อน ยังเป็นข้อเสีย ยังทำอะไรเร็ว และหวังว่าคนอื่นจะทำอะไรเร็วไปด้วย ซึ่งปัญหา ข้อเสียนี้ผมต้องพยายามแก้ต่อไป เพราะยังรู้สึกหงุดหงิดที่คนอื่นทำอะไรช้า ไม่ทันใจผม บางทียังรู้สึกว่าเพื่อนๆ รุ่นน้องทำงานช้ามาก ผมต้องค่อยๆ แก้ ใจร้อน ละเอียด ก็เป็นสิ่งดี งานเดิน แต่บางทีก็พลาดได้
ผมพยายามทำทุกอย่างที่เขียน สอน บรรยาย แต่ผมก็ไม่ใช่ Saint ไม่ใช่พระ ไม่ใช่เทวดา ยังทำไม่ได้ทั้งหมด ยังมีโกรธ โลภ หลง และยังหงุดหงิด
แต่ผมก็พยายามครับและทำได้บ้าง เช่น แมนยูฯ สมัยก่อนถ้าแพ้แฟนสาวชาวอังกฤษจะเข้าหน้าผมไม่ติด 2-3 วัน เดี๋ยวนี้แพ้ (จนชิน)ก็ไม่รู้สึกอะไร ผมเก่งไหม?!
แต่ที่ผมมีความสุขและเป็นปัญหาคือ ผมสนุกกับทุกอย่างที่ทำทำอะไรก็สนุกไปหมด เคยไปเป็นประธานบริษัทรักษาความปลอดภัยยังสนุก และทำให้บริษัทเจริญเติบโตได้ เป็น ผอ.สำนักกีฬา นายกสมาคมกีฬาเวชศาสตร์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ฯลฯ ก็สนุกมาก (และเป็นเกียรติมาก) ด้วยครับ
จึงขอให้ท่านสนุกกับทุกอย่างที่ทำ ถ้าท่านรักในสิ่งที่ทำท่านจะไม่เบื่อและมีความสุขมาก
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี