ประเทศใดๆ จะพัฒนาได้จะต้องมีทรัพยากรธรรมชาติ และหรือประชาชนที่มีคุณภาพ
สำหรับผม คน ประชาชน เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของแต่ละประเทศ สำคัญยิ่งกว่าทรัพยากรธรรมชาติ
ผมยกตัวอย่าง เช่น ประเทศสิงคโปร์เป็นเกาะเล็กนิดเดียวเล็กกว่าภูเก็ตเราเสียอีก มีพื้นที่ 719.9 ตร.กม. มีประชากรประมาณ 5,847,054 คน (ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567) แต่เจริญมากการศึกษาดีระดับโลก ทั่วโลกให้ความเชื่อถือ ดูได้จากหนังสือเดินทางของประเทศสิงคโปร์ สามารถเดินทางไปประเทศต่างๆ ในโลกได้ถึง 168 ประเทศโดยไม่ต้องมีวีซ่า
ประเทศไต้หวัน มีพื้นที่ 36,000 ตร.กม. ประชากร 23,347,374 คน (ปี พ.ศ.2567)
เกาหลีใต้ มีพื้นที่ 100,210 ตร.กม. ประชากร 51,698,049 คน (ณ พฤศจิกายน พ.ศ.2567)
ญี่ปุ่น มีพื้นที่ 378,000 ตร.กม. และ 3 ใน 4 เป็นพื้นที่ภูเขา ประชากร 123,503,240 คน (ณ พฤศจิกายน พ.ศ.2567)
ผมเคยถามชาวเกาหลีว่าทำไมประเทศเขาจึงเจริญมาก ทั้งๆ ที่ประเทศเขาไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไรเลย เขาตอบว่าอย่างไรรู้ไหมครับ เพราะว่าเราไม่มีอะไรเลยไง เราจึงต้องปากกัดตีนถีบ-อันหลังนี้ผมเติมให้เอง
ประเทศไทยเรามีทุกอย่าง มีพื้นที่ 514,000 ตร.กม. มีพลเมืองเพียง 66 ล้านคน ถือว่ายังไม่มากเกินไป เรามีพื้นที่มากกว่าสหราชอาณาจักร (อังกฤษ Wales Scotland และ Norther Ireland) ถึง 2 เท่า และเขามีพลเมืองเท่าเรา ฉะนั้นเรายังมีพลเมืองเพิ่มได้อีก และปัจจุบันนี้เรามีการเสียชีวิตมากกว่าการเกิด ฉะนั้นประชาชนชาวไทยจะลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีก่อน ถ้าเราไม่ทำอะไร ปี ค.ศ.2083เราจะมีพลเมืองเพียง 33 ล้านคน (ศ.เกื้อ วงศ์บุญสิน จุฬาฯ)
ประเทศไทยเรามีทุกอย่างที่ทั่วโลกอิจฉา เรามีชายหาดหลายพันกิโลเมตร เรามีอาหารทะเล เรามีภูเขา ป่า แม่น้ำ ทะเลสาบ “ในน้ำมีปลาในนามีข้าว” เป็นคำกล่าวที่ยังเป็นความจริง ผมเคยอ่านพบว่าประเทศไทยเป็น 1 ใน 18 ประเทศเท่านั้นที่สามารถผลิตอาหารได้มากกว่าที่ต้องการ และสามารถส่งออกไปเลี้ยงปากท้องชาวโลกได้ รัฐบาลต่างๆ ของไทยก็พยายามทำให้ประเทศไทยเป็นครัวโลก ประเทศไทยเราปลูกอะไรก็ขึ้นสมัยก่อนนึกว่าปลูกบางอย่างไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้พบว่าปลูกได้ทั้งสตรอว์เบอร์รี่ลูกพลับ ฯลฯ เราสามารถเลี้ยงกุ้งและส่งออกนอกได้ พ่อหลวง ร.9 ของเราสามารถทำให้ประชาชนชาวไทยมีโปรตีนที่ดี ราคาไม่แพง กินได้จากการเพาะพันธุ์ปลานิลและกระจายไปทั่วประเทศจากการได้รับพระราชทานปลานิล50 คู่ จากองค์รัชทายาท (สมัยโน้น) ของราชวงศ์ญี่ปุ่น เรามีน้ำมัน ก๊าซบ้างถึงแม้ไม่มาก รวมทั้งเรามีภัยธรรมชาติน้อยมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เพราะเรามีเพียงน้ำท่วม น้ำแล้ง เท่านั้น-แต่-แม้แต่มีเพียงแค่นี้-เรายังแก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งผมว่าง่ายจะตาย-เพียงทำตามพระราชดำรัสของในหลวง ร.9 คือสร้างแก้มลิงให้ทั่วประเทศ มีสายด่วนให้น้ำที่มีเกินไปที่จะเก็บได้ให้ไหลลงทะเลเร็วที่สุด ไม่ไปสร้างบ้านขวางทางเดินน้ำ และปลูกป่าให้มากที่สุด รวมทั้งไม่ตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ
แต่-ในมุมมองของผม-ประเทศไทยยังขาดประชากรที่มีคุณภาพ ถ้าดูข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2564 ของผู้สูงอายุ ผมสรุปได้ว่าผู้สูงอายุในปี พ.ศ.2564 (ผู้สูงอายุคือ ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี) มีปัญหาอยู่ 3 ประการ คือ 1) การศึกษา มีการจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเพียง 6.4%, จบต่ำกว่าประถมศึกษา 64%!! 2) ประชาชนที่มีอิสรภาพทางการเงินไม่ถึง 5% อิสรภาพทางการเงินคือ มีรายได้จากทรัพย์สิน เช่น หุ้น กองทุน บ้านเช่า ฯลฯ เหนือรายจ่ายโดยประชาชนคนนั้นไม่ต้องทำงานก็สามารถอยู่ได้ 3) อายุประชากรยืนยาวขึ้นแต่เต็มไปด้วยโรค คือ มีสุขภาพที่ไม่ดี จากพฤติกรรมชีวิตที่ไม่ดีมายาวนาน ทำให้เป็นโรคไม่ติดต่อที่เรื้อรัง หรือ NCD-NonCommunicable Diseases ซึ่งก็คือ โรคหลอดเลือดหัวใจ สมองเบาหวาน ความดัน อ้วน มะเร็ง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งโรค NCDเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวไทยและชาวโลกถึงกว่า 70% (องค์การอนามัยโลก)
สำหรับผม การศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต้องยอมรับว่าระบบการศึกษาเรายังไม่ดีพอ จบมาแล้วยังทำงานไม่ได้ และหรือยังหางานไม่ได้ผมพูด เขียน เสนอ มานานแล้วว่า ประเทศไทยควรมีคณะกรรมการแห่งชาติดูแลเรื่องกำลังคนของประเทศไทย ความต้องการของอาชีพ วิชาชีพต่างๆ รวมทั้งการเรียน ฝึกอบรมให้ออกมาพร้อมใช้งานได้เลย ให้มีปริมาณและคุณภาพที่ตลาดต้องการ อย่างขณะนี้มีบัณฑิตที่จบ ป.ตรีมาเป็นแสนแต่หางานไม่ได้ เพราะเรียนไม่ดีพอ หรือถึงหางานได้ก็ยังทำงานไม่ได้ หรือหางานไม่ได้เพราะตลาดไม่ต้องการผู้ที่จบวิชานั้นๆ แม้แต่วิชาชีพแพทย์เองยังขาด แต่ขาดสาขาอนุสาขาอะไร มากหรือน้อยเท่านั้น ประเทศไทยเรามีประชากร 66 ล้านคน มีแพทย์ทุกสาขา(95 สาขา) ประมาณ 70,000 กว่าคน อังกฤษมีพลเมืองประมาณเท่าเรามีแพทย์ถึง 350,000 คน แต่ยังบอกว่ายังขาดแพทย์ และประเทศเขามีพื้นที่ไม่ถึง 50% ของพื้นที่เรา (ในแง่ของความง่ายของการกระจายแพทย์) ในเรื่องแพทย์ รัฐบาล แพทยสภา ราชวิทยาลัยต่างๆ ต้องมาจับเข่าคุยกันว่าควรมีแพทย์ 1 คนต่อประชากรเท่าไหร่ รวมทั้งสาขาและอนุสาขาต่างๆ และต้องฝึกแพทย์ให้พร้อมที่จะรับใช้สังคม ประชาชนได้ทันที ในระดับที่เหมาะสมเมื่อจบออกมา
แต่เราไม่ได้ขาดแพทย์เท่านั้น พยาบาลยังขาดเป็นแสนขาดมากหรือน้อยแล้วแต่รัฐบาล-ภายใต้การแนะนำของสภาวิชาชีพว่าคิดว่าควรจะมีบุคลากรนั้นๆ เท่าไหร่ เภสัช ทันตแพทย์ วิศวะ อาชีวะ ผมว่าขาดหมดทั้งนั้น มากหรือน้อย
แต่นอกเหนือจากการศึกษา (ที่ยังไม่ดีพอ) แล้ว ในมุมมองของผมประชาชนชาวไทยยังไม่ดีพอ คือ ยังเห็นแก่ได้ ส่วนตัว ใช้ความรู้ในทางที่ผิด หลอกลวงชาวบ้าน โกง กิน โลภ ฯลฯ อีกด้วยถ้าประเทศจะพัฒนาได้ ประชาชนชาวไทยต้องมีความดีเหนือสิ่งอื่นใด ดีคือเห็นแก่ส่วนรวม มีเหตุผล ขยัน มีวินัย รู้จักพอ เคารพกฎหมายบ้านเมือง ตามด้วยความเก่ง จะเก่งได้ต้องมีโอกาสเรียนในระบบการศึกษาที่ดี เรียนเป็น จับประเด็นเป็น มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องเก่งคิด คน งาน เงิน เวลา “ขาย” และฟัง และทุกคนควรมีความรู้รอบตัว และมีสุขภาพที่ดี
ถ้าส่วนใหญ่ของคนไทยเป็นคนดี ที่เก่ง รอบรู้ และมีสุขภาพที่ดี ผมว่าประเทศไทยพัฒนาได้แน่นอน ดูตัวอย่างสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี