ปีใหม่แล้ว คนไม่น้อยคงจะไปเที่ยวสนุกสนานกันแต่อย่าลืมผู้สูงอายุที่ท่านจะรอคอยลูกหลานมาเยี่ยมเยียนให้ความรัก ให้ของขวัญ และของขวัญที่ดีที่สุดคืออ้อมกอดจากลูกหลาน แม้จะปีใหม่หรือไม่ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุที่เกษียณการทำงานต้องปรับตัว เพราะเดือนกันยายนยังมีงานทำ แต่ 1 ตุลาคมต้องอยู่บ้าน ถ้าเป็นข้าราชการ ถ้าเป็นเอกชนก็คง 31 ธันวาคม ก็ไม่มีงานทำ

ผู้ไม่มีงานทำหรือผู้สูงอายุจึงต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่เย็นเป็นสุข หากมีเงินพอใช้ แต่ถ้ามีเงินไม่พอใช้ ชีวิตจะยากลำบาก เพราะเงินด้อยค่าหรือเล็กลงไปเรื่อยๆ เช่น เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนก๋วยเตี๋ยวชามละ 15 บาทปัจจุบันชามละ 40-100 กว่าบาท ทองแค่ไม่กี่ปีมานี้ขึ้นไปมาก จากบาทละสองหมื่นกว่าบาทเป็นสี่หมื่นกว่าบาทโดยเฉพาะผู้สูงอายุหากมีชีวิตอยู่ถึง 90 ปี ค่าครองชีพจะสูงกว่านี้มาก เงิน 100 บาท อาจเหลือไม่กี่บาทใน20 ปี เงินจึงอาจไม่พอใช้ ยกเว้นรวย จึงควรมีวินัยการเงินถ้าอยากมีเงินใช้ตลอดชีวิตและรู้จักปรับตัว

ตัวอย่างนักสังคมวิทยา ศาสตราจารย์ ฟิลลิป ศึกษาเรื่องผู้สูงอายุกับครอบครัว พบว่าตอนเกษียณใหม่ๆ จะค่อนข้างขัดแย้ง เช่น ลอรา วัย 59 ปี กับอแลน วัย 59 ปี พอเขาไม่ได้ทำงาน ทำให้เขาอยู่บ้านมากขึ้น จึงอยากให้เมียมาอยู่ข้างๆ

ข้างลอราก็บอกว่า เธอต้องทำงานพิเศษเพื่อช่วยครอบครัว และอยากให้ทำอะไรตามใจชอบตามลำพัง

ลอราจึงขึ้นไปข้างบน ขณะอแลนนั่งดูโทรทัศน์ เพื่อฝึกสีไวโอลิน จะได้ไม่ส่งเสียงรบกวนเขา

อแลนไม่พอใจที่ลอราปิดประตู ถ้าเขาเรียกหาเธอกลัวจะไม่ได้ยิน

ลอราบอกว่า อแลนมีเวลาอยู่บ้านมากเกินไป เธอไม่เป็นอิสระเท่าไร ไม่ว่าจะอ่านหนังสือหรือฝึกภาษา หรือพูดโทรศัพท์ เขาจับตามองและจะมาอยู่ข้างๆ เธอตลอดเวลา จนเธอทำงานได้ยาก ความเป็นส่วนตัวไม่ค่อยจะมีเท่าไร จึงทำให้มีการทะเลาะเบาะแว้งบ้าง

ศาสตราจารย์ฟิลลิปกล่าวว่า ผัวเมียควรมีเวลาเป็นของตัวเอง ให้ทำในสิ่งที่ชอบ แม้จะต่างจิตต่างใจกันก็ตาม ไม่ว่าตกงานหรือเกษียณการทำงาน

ผู้ไม่มีงานหรือเกษียณการทำงานจึงต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ดีกว่าเหม็นหน้ากันตลอดเวลารวมทั้งผู้ไม่มีงานทำ ต้องประหยัดหางานทำแม้จะยากก็ตาม