ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงของเราเกิดอาการของโรครุนแรงจนเสียชีวิต เจ้าของสัตว์ก็มีความวิตกกังวลมาก แต่เมื่ออยู่ในเหตุการณ์เช่นนั้น สิ่งสำคัญคือ ต้องมีสติเพราะอาจจะช่วยสัตว์เลี้ยงของเราได้
วันนี้จะพูดถึงกรณีสัตว์เลี้ยงหยุดหายใจ เราจะช่วยเหลือเขาด้วยการกู้ชีพโดย CPR
เราสามารถ ฝึกทักษะช่วยเหลือเบื้องต้นได้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรจะมีทักษะในด้านนี้ หลักการก็เหมือนการกู้ชีพในคน เพียงแต่โครงสร้างสรีระคนกับสัตว์ต่างกัน
สาเหตุที่สัตว์เลี้ยงมีโอกาสหยุดหายใจ หรือเสียชีวิตได้แก่
1. อุบัติเหตุ จนเกิดการบาดเจ็บรุนแรง สูญเสียเลือด อวัยวะภายในฉีกขาด มีเลือดออกมาก
2. โรคความผิดปกติของทางเดินหายใจ เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ การมีของเหลวในช่องอก การมีของเหลวสะสมในเนื้อเยื่อปอด
3. ภาวะช็อก จากการสูญเสียเลือดหรือเสียน้ำอย่างมากจนทำให้การไหลเวียนโลหิตล้มเหลว
4. ความไม่สมดุลของอิเลกโทรไลต์ในร่างกาย เช่น ระดับโซเดียม โพแทสเซียมผิดปกติ
5. การได้รับยาหรือสารพิษปริมาณมากจนส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ
6. การได้รับยาสลบในปริมาณที่มากไป
7. ภาวะโรคทางเมตาบอลิซึม เช่น โรคไต ภาวะตับวายโรคเบาหวาน
8. การติดเชื้อในกระแสเลือด
กลุ่มอาการที่สัตว์เลี้ยงพบก่อนที่จะมีอาการหยุดหายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น ได้แก่
1. มีชีพจรอ่อน ภาวะอ่อนแรง
2. ไม่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมหรือการกระตุ้นใดๆ
3. สีเหงือกและลิ้นเป็นสีม่วงคล้ำหรือเขียว บ่งบอกถึงการขาดออกซิเจน จนต้องยืดคอในการหายใจ
4. ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ
5. รูม่านตาขยาย
เมื่อสัตว์เลี้ยงป่วยไม่ตอบสนอง เช่น อาการอ่อนแรง หรือ หยุดหายใจ สัตว์จะแสดงอาการขอความช่วยเหลือ ในขณะเดียวกันให้เราพยายามกระตุ้น โดยเขย่าตัว ดูการตอบสนองตรวจเช็คว่ายังหายใจอยู่หรือไม่ อาจจะใช้ใบหน้าหรือจมูกไปใกล้จมูกสัตว์เลี้ยงเพื่อเช็คลมหายใจ
หากพบว่าสัตว์เลี้ยงไม่หายใจ ให้เปิดปากเพื่อดูว่ามีสิ่งแปลกปลอม สิ่งคัดหลั่งอุดตันทางเดินหายใจส่วนต้นหรือไม่ ถ้าหากมีให้เอาออกทันที เช่น น้ำลาย หรือสิ่งคัดหลั่ง โดยให้ใช้มือหรือผ้าเช็ดออก
หลักการกู้ชีพสัตว์เลี้ยงมีทฤษฎีเหมือนในคน คือ ทฤษฎี ABC= airways,breathing and circulation
สุนัขที่มีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัมขึ้นไป ให้จับนอนราบกับพื้น โดยผู้นวดหัวใจคุกเข่า เอาหน้าขาดันด้านหลังของสัตว์เลี้ยงไว้ เพื่อป้องกันสัตว์เคลื่อนที่ ในขณะกดช่องอกสัตว์เลี้ยง
ส่วนในสุนัขขนาดเล็ก ให้ใช้มือนวดหัวใจโดยมือห่อที่ช่องอกแล้วนวดหัวใจ
สำหรับลูกสุนัข ให้ใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือนวดหัวใจ
ตำแหน่งการนวดหัวใจคือบริเวณหลังข้อศอก ความถี่ของการนวดโดยทางทฤษฎีควรทำให้ได้ 100-120 ครั้งต่อนาทีเพราะให้การนวดเปรียบเสมือนการเต้นของหัวใจเหมือนจริงตามปกติ
การนวดหัวใจที่กดช่องอกลงไป ต้องไม่เกิน 2/3 ของความหนาของช่องอกสัตว์ในท่านอนตะแคง
และช่วยหายใจโดยการเป่า เช่น เป่าลมเข้าที่รูจมูกของสัตว์เลี้ยง โดยมือจะต้องปิดช่องปากของสัตว์เลี้ยงให้สนิท เพื่อให้อากาศที่เป่าเข้าสู่ปอดเต็มที่
หากอยู่คนเดียวให้ใช้เทคนิคการนวดหัวใจและช่วยหายใจ สัดส่วน 30 :2 หมายถึงนวดหัวใจ 30 ครั้งต่อเนื่องกัน แล้วช่วยหายใจสองครั้ง ทำลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าสัตว์เลี้ยงจะกลับมามีชีพจร หรือจะพยายามหายใจเอง
หากมีผู้อยู่ใกล้เคียงแล้วสามารถช่วยกู้ชีพได้ แนะนำให้ทำการสลับเปลี่ยนกันทุกๆ 2 นาทีเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของการกู้ชีพมากขึ้น
แต่ถ้าหากอยู่คนเดียว ก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ในบริเวณรอบข้าง เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ หรือเตรียมนำพาส่งโรงพยาบาลสัตว์ใกล้เคียงโดยเร็ว
ขอให้กำลังใจเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนในยามสัตว์เลี้ยงป่วยและเน้นว่าเจ้าของต้องตั้งสติให้ดี แล้วช่วยเหลือสัตว์ตามหลักการเมื่อช่วยเหลือถูกวิธี จะช่วยลดความสูญเสีย หรือความพิการที่จะเกิดกับสัตว์ได้
น.สพ.นนทษิต ชุติญาณวัฒน์
โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี