เมื่อคิดว่าจะหยุดเขียนคอลัมน์ประจำ ลาจากการสื่อสารความคิด กับแฟนๆ ผู้อ่านก็อดคิดถึงไม่ได้ เพราะเขียนมานานแล้วแต่เพราะสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง จึงคิดว่าควร “พอ” ได้แล้ว
วันนี้ถือว่าเขียนเป็นบทส่งท้ายจะเขียนถึงเรื่องกิจวัตรประจำวัน ที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่แฟนคอลัมน์ ทั้งในแง่ สุขภาพกายสุขภาพใจ และสุขภาพวิญญาณ และทำให้อารมณ์ดี
วัยนี้ อายุ 82 ปีเศษ ตื่นเช้ามา 7 โมงเช้าก็ดื่มโกโก้อุ่นๆ 1 แก้วใหญ่ ที่โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วอ่านทบทวนข้อคิด ข้อความที่ชอบและจดไว้ใน Post it โดยแปะไว้ที่ฐานโคมไฟอ่านหนังสือหลายข้อคิด ดีๆ ทั้งนั้น (เดียวจะเล่าให้ฟัง)
พอทบทวนเสร็จ จิตใจสบาย ก็ทำจิตภาวนา ทั้งสมถะ และวิปัสสนา กรรมฐานแบบสั้นๆ (ได้แค่ไหนแค่นั้น ) แล้วต่อด้วยแผ่เมตตา ให้กับตัวเองและเพื่อนร่วมโลกทั้งหลายแบบง่ายๆ จิตใจยิ่งสบายยิ่งขึ้น
เสร็จแล้วลุกจากเก้าอี้ไปออกกำลังกาย ยืดกล้ามเนื้อ เดินอยู่กับที่ แกว่งแขน ไปตามเรื่องให้พอสบายตัว กว่าจะเสร็จก็ 10 โมงเช้า แล้วจึงค่อยกินอาหารเช้าแบบมีสติ ซึ่งจะกินให้น้อยลงครึ่งหนึ่งของปกติ กินโปรตีนให้พอ ผักผลไม้อย่าลืม ของหวานลดได้ก็ดี วิตามินรวมกินก็ได้
สรุปตอนนี้สุขภาพก็ยังดี หูตึงไปบ้างแต่สมองและความจำยังดี ตามองเห็นชัด ร่างกายแข็งแรงตามวัย ก็ ok นะ
สิ่งที่อยากจะบอกวันนี้ก็คือ เคล็ดลับของความสุขอยู่ที่การทำอารมณ์ให้ดีในทุกๆ วัน ส่วนชีวิตจะมีสภาวะแบบไหน จะจน รวย ลำบาก สบายแค่ไหน ก็เป็นตัวแปร
คนลำบาก แต่มีความสุข มีเยอะไป
และคนสบายๆ รวยๆ แต่มีความทุกข์ก็มีมากมาย
แต่ถ้าอารมณ์ดีแล้ว จะรวย จน ลำบาก สบาย ก็มีความสุขได้ทั้งนั้น
ผมมีวิธีทำอารมณ์ให้ดีตอนเช้าๆ ก่อนทำจิตภาวนา โดยการอ่านและทบทวนข้อความที่ผมชอบและจดไว้ใน Post it และแปะไว้ที่ฐานโคมไฟอ่านหนังสือ หลายๆ ข้อความ เช่น
1.เป้าหมายการมีชีวิตอยู่ก็คือ กระตือรือร้นสุข สนุก พอใจ (สำคัญที่ พอใจ ซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละคน )
2.เกิดมาทำไม ทำไมเกิดมาไม่รู้ (ไม่อยากค้นหาคำตอบแล้ว) แต่ชอบแนวคิดที่ว่าเมื่อเกิดมาแล้วเลือกไม่ได้ ทุกคนก็ต้องทำหน้าที่ เล็กๆ ต่อไป
(ไม่ต้องใหญ่ และไม่ต้องสมบูรณ์แบบ) และมีหน้าที่หลักที่ควรทำคือ เพื่อช่วยเหลือคนบางคนและบางอย่าง (ก็พอแล้ว) ถ้าคนอื่นๆ ทำหน้าที่ต่อไป
เช่นเดียวกัน จนครบวงจร อาจจะมีคนบางคนมาช่วยเหลือเราบ้างก็ได้ (หรือไม่มีก็ไม่เป็นไร)
3.เรามีเวลาไม่เกิน 100 ปี อะไรไม่ดีอย่าจำนานลืมๆ เสียบ้างนะ
4.เราร่ำรวยความสุข สุขกาย สุขใจ สุขจิตวิญญาณ Hormone ความสุขมี 3 ตัว ให้เริ่มจากเพิ่ม Hormone ความสุข ดังนี้
ก.Serotonin-ฮอร์โมนของความสุขจากความสงบ จะหลั่งเมื่อ ให้ทำสมาธิ, จิตภาวนา ใจจะสบาย
ข.Oxytocin-ฮอร์โมนของความสุขจากการให้จะหลั่งเมื่อให้ความรักและมิตรภาพ กับผู้อื่น จะอิ่มใจ
ค.Dopamine-ฮอร์โมนของความสุขจากการได้รับ จะหลั่งเมื่อได้รับสิ่งต่างๆ ที่ชอบ เช่นชื่อเสียง, เกียรติยศ, รางวัล, เงินทอง, ความสามารถ,เซ็กซ์ ฯลฯ แต่ให้รู้ว่าความสุขแบบมีฮอร์โมนโดปามีนนี้เป็นความสุขแบบได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ และทำให้เป็นทุกข์ เพราะ “ไม่เคยพอ” จึงต้องฝึกให้รู้จักการ “พอ” ให้เป็น
5.อนุญาตให้บางคนไม่ชอบเราบ้างก็ได้และอนุญาตให้เราไม่ชอบบางคนบ้างก็ได้ทำให้ชีวิตอยู่สบาย และอิสระมากขึ้น ไม่ต้องเพิ่มego ตัวเอง ว่าต้องทำให้ทุกคนรัก และต้องรักทุกคนซึ่งทำไม่ได้หรอก 5 5 5
6.นึกถึงแนวคิดของปราชญ์นักคิดบางคนที่ชอบ เช่น
ก.Existentialism โดย ฌ็อง-ปอล ซาทร์ชาวฝรั่งเศส ที่สื่อว่า สิ่งที่ Exist คงอยู่จริง ก็คือ nothingness (ความไม่มีอะไร)
ข.Absurdism โดย อาลแบร์ กามูว์ เสนอว่าชีวิตเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีเหตุผล น่าขำ
ทั้งแนวคิด ก. และ ข. นี้ ถ้าเป็นสมัยหนุ่มจะไม่เชื่อและรับไม่ได้เลย เพราะคิดว่า ชีวิตต้องมีสาระ และมีสิ่งยั่งยืนอยู่นาน แต่พออายุมากขึ้นแล้วทำให้เปิดใจรับหลายๆ สิ่งได้มากขึ้น จึงรับแนวคิดเหล่านี้ได้อย่างสบายๆ
ค.แนวคิดนี้ชอบมากเป็นพิเศษ เป็นของ ชาลี แชปลิน ดาราตลกที่มีชื่อเสียงของโลกกล่าวไว้ว่า “เมื่อวันสุดท้ายมาถึง ทุกสิ่งก็เป็นแค่เรื่องขำๆ” เขาเขียนได้ชัดเจน และจริงมากอ่านจบแล้ว รู้สึกรับได้ มีรอยยิ้ม และพร้อมจะจากโลกนี้ไปอย่างขำๆ
เมื่ออ่านและทบทวนแนวคิดต่างๆ เหล่านี้แล้ว จะรู้สึกโล่ง และอารมณ์ดี (แต่ระวังอย่าเอาเรื่องความเชื่อและความคิดเหล่านี้ ไปแชร์กับคนที่เขาไม่เห็นด้วย ซึ่งมีแน่ๆ ก็จะเสียเวลา โต้เถียงกัน เป็นเรื่องของเขา เชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ ไม่มีใครผิดหรอก โดยเฉพาะพวกที่ชอบเหตุผลและสาระมากๆ เขาไม่ฟังหรอก)
เมื่ออารมณ์ดีแล้วจะทำอะไรก็ง่าย เช่นทำ จิตภาวนา แผ่เมตตา ออกกำลังกาย รวมทั้งการมีสติ กับการกิน และการมีชีวิตอยู่ ก็จะง่ายและสะดวกขึ้น ความสุขก็มีบ้างไม่มีบ้าง อย่าไปซีเรียส แต่คิดว่าจะมีมากขึ้นแน่นอน
มนุษย์ต้องการความสุขใช่ไหมวิธีการให้ได้ความสุขแตกต่างกันไปในแต่ละคน เพราะคนเราไม่เหมือนกันตั้งแต่ DNA จนถึงการเลี้ยงดู และประสบการณ์ชีวิต ฯลฯ
ผมกำลังจะจบข้อเขียนวันนี้แล้ว แต่ยังระลึกถึงผู้อ่านอยู่ ถ้านึกถึงผมก็ลองเอาแนวคิดนี้ไปใช้ดู ถ้าได้ผลก็ ok ถ้าไม่ได้ผลก็ ok ไม่แน่นอนครับ (อะไรบ้างที่มันแน่นอน ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง อนัตตา ทั้งนั้น บางครั้งก็น่าขำๆ ด้วยซ้ำ)
แต่ความสัมพันธ์ทางใจ ยังระลึกกัน ยังมีต่อกันนะครับ (บางคนและบางครั้งครับ)
ลาที...มิใช่ลาก่อน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี