คนสังคมเมืองยุคปัจจุบันนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะแมวและสุนัขมากขึ้น หลายคนเลือกเลี้ยงแมว เพราะเห็นว่าไม่เห่าเหมือนสุนัข ดังนั้น จึงพบว่าผู้ที่พักในคอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์และห้องพักมักเลือกเลี้ยงแมวกันมาก เพราะไม่ส่งเสียงสร้างความรำคาญให้กับคนในห้องรอบข้าง แต่ทว่า เมื่อเลี้ยงแมวในตึกสูง ก็อาจจะเกิดปัญหาแมวตกจากที่สูงได้ วันนี้มาคุยถึงปัญหานี้กัน
High-Rise Syndrome (HRS) เป็นภาวะที่แมวตกจากที่สูง เช่น หน้าต่างหรือระเบียงตึกสูง ซึ่งมักเกิดขึ้นกับแมวที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ หรือคอนโดมิเนียม แม้ว่าแมวจะมีสัญชาตญาณในการทรงตัวดี และมักรอดชีวิตจากการตกจากที่สูงได้ แต่การตกจากที่สูงอาจทำให้แมวได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิตได้
สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบ
ความอยากรู้อยากเห็นของแมว แมวเป็นสัตว์ชอบสำรวจ จึงอาจกระโดดออกไปตามนก แมลง หรือสิ่งของที่เคลื่อนไหวภายนอกอาคาร
สูญเสียการทรงตัว เพราะแมวอาจสะดุดหรือพลาดขณะเล่นใกล้ขอบหน้าต่างหรือระเบียง แล้วตกลงไป
ความประมาทของเจ้าของ เช่น เปิดหน้าต่าง หรือปล่อยแมวไว้ที่ระเบียงสูง โดยไม่มีที่กั้นแมวจึงตกลงมาได้
มีข้อมูลรายงานจากกลุ่มแมวตกตึกในต่างประเทศ โดยการเก็บข้อมูล แมว 119 ตัวที่บาดเจ็บจาก HRS ระหว่าง ปี 1998-2001 พบว่าแมวทุกตัวตกจากชั้นที่ 2 ขึ้นไป โดยเจ้าของพบเห็นเหตุการณ์หรือมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าแมวตกจากที่สูง
แล้วพบว่าอายุเฉลี่ยของแมวที่ตกจากที่สูงคือ 1.8 ปี เปอร์เซ็นต์ของแมวที่รอดชีวิตคือ 96.5 เปอร์เซ็นต์ (115 ตัว จาก 119 ตัว) เพศของแมวที่ตกคือเพศเมีย 53.8 เปอร์เซ็นต์ และเพศผู้ 42 เปอร์เซ็นต์ และพบว่า 3.4 เปอร์เซ็นต์ เป็นแมวเพศผู้ที่ทำหมันแล้ว ความสูงเฉลี่ยที่แมวตกลงมา คือ ชั้นที่ 4 (ช่วง 2-16 ชั้น) ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุด คือ ฤดูร้อน(เมษายน-กันยายน) คือ 65 เปอร์เซ็นต์
อาการบาดเจ็บที่พบบ่อย คือ 46.2 เปอร์เซ็นต์ ของแมวเกิดปัญหา กระดูกหัก (โดย 61.5 เปอร์เซ็นต์ เกิดที่กระดูกขาหลัง, 38.5 เปอร์เซ็นต์ เกิดกับกระดูกขาหน้า)
33.6 เปอร์เซ็นต์ มี อาการบาดเจ็บที่ช่องอก เช่น ภาวะลมรั่วในช่องอก 20 เปอร์เซ็นต์ และ ปอดช้ำ 13.4 เปอร์เซ็นต์ เลือดกำเดาไหล 8.4 เปอร์เซ็นต์
และยังพบการบาดเจ็บที่สมอง อวัยวะภายในช่องท้องฉีกขาด เช่น ตับหรือม้ามมีเลือดออก กระเพาะปัสสาวะฉีกขาด
ส่วนอัตราการตายคือ 3.5 เปอร์เซ็นต์ (4 ตัวเสียชีวิตภายใน 36 ชั่วโมงหลังจากตกลงมา)
ข้อมูลข้างต้นทำให้เราทราบรายละเอียดต่างๆ ของแมวตกจากที่สูงได้อย่างดี ดังนั้น จึงต้องป้องกันมิให้แมวไปอยู่ที่หน้าต่างหรือระเบียงบนตึกสูง
สรุปเรื่องภาวะ HRS คือ เราพบในแมวอายุน้อย เพราะแมวเด็กมักมีพฤติกรรมชอบเล่นเล่นและอยากรู้อยากเห็น ส่วนการตกจากที่สูงที่มากกว่า 7 ชั้น อาจช่วยลดอาการบาดเจ็บได้เนื่องจากแมวมีเวลาพอที่จะปรับตัวกลางอากาศและลดแรงกระแทก อัตราการเสียชีวิตจึงต่ำ (3.5 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถของแมวในการลดแรงกระแทกเมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะ “Terminal Velocity”
แมวที่ตกจากชั้น 2-6 มักจะกระดูกหักที่แขนขา เนื่องจากพยายามใช้ขารับแรงกระแทก แมวที่ตกจากชั้น 7 ขึ้นไปมีแนวโน้มที่จะบาดเจ็บที่อวัยวะภายในมากกว่า เนื่องจากแมวมี Righting Reflex หรือสัญชาตญาณพลิกตัวกลางอากาศ การเปลี่ยนท่าทางกลางอากาศทำให้แรงกระแทกกระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้สามารถหมุนตัวให้เท้าลงก่อน อย่างไรก็ตาม หากตกจากระดับความสูงมากๆ ก็ยังมีความเสี่ยงบาดเจ็บรุนแรงได้
ต้องป้องกันการตกตึก โดยติดตาข่ายนิรภัยหรือมุ้งลวดที่มั่นคงแน่นหนาที่น้าต่างและระเบียง ต้องไม่เปิดหน้าต่างทิ้งหากไม่มีเหล็กดัดที่มั่นคง และต้องไม่มีช่วงว่างที่แมวจะลอดออกไปได้ ต้องฝึกให้แมวอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยภายในบ้าน หาของเล่นที่ไว้ในห้องที่ปลอดภัยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ไม่ให้แมวออกไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ขอย้ำว่าการป้องกันดีกว่าการรักษา ต่อให้แมวที่รอดจากการตกตึกก็อาจพิการไปตลอดชีวิต
น.สพ.นนทษิต ชุติญาณวัฒน์
โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี