วันผู้สูงอายุไทย คือ วันที่ 13 เมษายน ตรงกับวันสงกรานต์ แต่วันผู้สูงอายุสากล คือวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี
ก่อนพูดถึงเรื่องผู้สูงอายุ ขอฝากท่านผู้อ่านไว้นิดเดียว เกี่ยวกับการใช้ยานพาหนะในช่วงสงกรานต์ ช่วงนี้อยากให้ทุกๆ ท่านมีความสุขได้กลับไปเยี่ยมบ้าน อยู่กับครอบครัว รดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ ไม่อยากให้เป็นช่วงเทศกาลของความโศกเศร้าจากอุบัติเหตุบนถนน จึงขอให้ทุกท่านขับขี่รถทุกชนิดอย่างระมัดระวัง เคารพกฎหมายจราจรเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเตรียมตัวในการเดินทางอย่างดีนะครับ
หลายๆ คนบ่นว่าสูงอายุแล้วไม่ดีเลย อย่างผม-ทำมาหลายปีแล้ว-พอจะลุกจะนั่งก็ร้อง “โอย” ทั้งๆ ที่ไม่มีปัญหาอะไร ร้องจนเป็นนิสัยและคนข้างๆ บอกว่า “อะไรแก่ถึงป่านนี้แล้วหรือ”หลายคนรู้สึกว่าแก่แล้วไม่ดีไปหมด จะลุก จะนั่งจะกิน จะนอน ก็ลำบากไปหมด
ข้อดีที่คิดได้ทันทีของการเป็นผู้สูงอายุ คือ เรารอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็โชคดีแล้ว!? นี่เป็นการมองโลกในแง่บวก หลายคนอาจเสียชีวิตไปแล้วด้วยสาเหตุต่างๆ นานา ข้อเสียของการเป็นผู้สูงอายุ คือ มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนเยอะ โดยเฉพาะโรคที่ไม่ติดต่อ คือโรค Non Communicable Diseases, NCDs ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนในโลกถึง 70% เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ สมอง เบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิต ฯลฯ กำลังวังชาเราจะถดถอย ไม่มีพละกำลังเหมือนตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว ทั้งนี้เพราะถ้าเราไม่ดูแลกล้ามเนื้อตนเอง กล้ามเนื้อจะสูญหายไปปีละประมาณ 1% ตั้งแต่อายุประมาณ 40 ปี รวมทั้งอัตราการเผาผลาญของร่างกายจะลดลงเมื่ออายุประมาณ 40 ปีเช่นกัน ทำให้ถ้าเรากิน ออกกำลังกาย เท่าเดิมเราจะอ้วนได้ง่าย และความอ้วนมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง 13 ชนิดและโรคอื่นๆ ด้วย พอสูงอายุแล้ว อารมณ์อาจแปรปรวนง่าย จิตใจว้าวุ่น เหงา ว้าเหว่ หรือซึมเศร้า อาจมีปัญหาในการปรับตัวต่อเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าตลอด ใช้ smart phone smart watch ไม่ค่อยเป็น อาจต้องพึ่งพาคนอื่นมากขึ้น เนื่องจากทั้งสุขภาพและทางด้านการเงิน รวมทั้งอาจมีปัญหาทางสังคมบางแห่งที่ไม่ให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุ
แต่ถ้าท่านวางแผนการเตรียมตัวเข้าเป็นผู้สูงอายุมาอย่างดี ตั้งแต่เยาว์วัย หรือทันทีที่รู้เรื่อง ทางด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต การออม ลงทุน และการดูแลสุขภาพ การมองโลกในแง่บวก การปล่อยวาง ถ้าท่านมาถึงจุดที่เป็นผู้สูงอายุ ท่านอาจจะเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าก่อนหน้านั้น เพราะอะไร?
ถ้าท่าน (ตามที่ผมได้สอนมา 54 ปี) เป็นคนดี เหนือสิ่งอื่นใด ตามด้วยเป็นคนที่เก่ง (คือ เก่งคิด คน งาน เงิน เวลา “ขาย” และ “ฟัง”) รอบรู้ และมีสุขภาพดี ช่วงของการเป็นผู้สูงอายุ อาจเป็นช่วงที่ท่านมีความสุขมาก
ถ้าท่านเป็นผู้ที่ “ให้ ให้ ให้” ตลอดมา ถึงแม้ท่าน “ให้”โดยไม่หวังอะไร การให้จะทำให้ท่านมีความสุขมาก จะสะสมบารมี ประสบการณ์ สิ่งที่ท่านสะสมไว้ อาจไม่ได้กลับมาหาตัวท่านเอง แต่อาจกลับมาหาลูกหลาน ลูกศิษย์ หน่วยงานของท่าน ท่านจะมีเพื่อน เครือข่ายมาก ติดต่อใครก็ง่ายในทางที่ดี เพราะรู้จักคนเยอะ นอกจากนั้นท่านยังมีประสบการณ์ในการผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ทำให้สามารถมองปัญหาต่างๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง บางทีพอบางคนพูด ยังไม่ได้ถาม หรือขอให้ช่วยอะไร ท่านอาจมองเห็นทางออกได้แล้ว
สมัยนี้อายุ 60 ปี ถึงแม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว เป็นผู้สูงอายุแล้ว แต่ถือว่ายังไม่ “แก่” เลย ยังมีร่างกายที่แข็งแรง สมองที่คิดอะไรได้ฉับไว จริงๆ แล้วราชการไม่ควรให้ผู้คนเกษียณเมื่ออายุ 60 ปีแล้วควรเป็น 70 ปีได้แล้ว ช่วงเกษียณท่านจะมีเวลามาก มากพอเพราะอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ 30-40 ปี ท่านมีเวลาที่จะไปทำอะไรที่ท่านชอบที่อยากทำ แต่ไม่มีโอกาสทำ เช่น เริ่มต้นตีกอล์ฟ วาดรูป ถ่ายรูป เล่นดนตรี เรียนโยคะ เรียนภาษาต่างๆ เป็นอาสาสมัครต่างๆ หรือท่องเที่ยว เดินทางไปรอบโลก ไป Greenland, Iceland อเมริกาใต้ ที่ๆ ไปยาก และไม่ค่อยมีคนไป ฯลฯ
และถ้าท่านวางแผนดีๆ ท่านน่าจะเป็นผู้ที่มีอิสรภาพทางการเงิน (แต่มีเพียง 5% ของผู้เกษียณที่มีอิสรภาพทางการเงิน) อิสรภาพทางการเงิน คือ มีรายได้จากทรัพย์สิน คือ จากบ้านเช่า รถเช่า พันธบัตร กองทุน หุ้น ฯลฯ เหนือรายจ่าย ท่านอาจมีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข สนุกกับการดูลูกหลานที่เจริญเติบโตตามลำดับ (แต่ยอมรับว่ามีเด็กเกิดน้อยกว่าคนเสียชีวิตมา 4 ปีแล้ว คนไทยมีบุตรน้อยลงมาก เฉลี่ย 1 คนต่อครอบครัวเท่านั้น) ผู้สูงอายุยังได้สิทธิพิเศษจากรัฐและเอกชน เช่น การเข้าตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน มีช่องพิเศษสำหรับผู้สูงอายุมีการลดค่าโดยสารหรือบัตรต่างๆ รวมทั้งตัวเราเองมีเวลาที่จะหันมาดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง เช่น มีเวลาที่จะเดินวันละ 10,000–20,000 ก้าวต่อวัน แต่เราต้องสนใจและมีวินัย
ฉะนั้นผู้สูงอายุทุกท่านจึงควรพยายามมองโลกในแง่บวก การเป็นผู้สูงอายุมีทั้งแง่ดีและไม่ดี อยู่ที่เราจะมอง
สำหรับท่านที่ยังไม่เป็นผู้สูงอายุ ผมขอฝากไว้เลย ขอให้ท่านดูแลสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ขยันเรียน ขยันทำงาน รักในสิ่งที่ทำ ปล่อยวาง ทำในสิ่งที่สังคม ตลาด ต้องการ เรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องรู้จักออม ลงทุน และดูแลสุขภาพให้ดี
เมื่อท่านสูงอายุ ท่านจะได้อยู่อย่างมีความสุขกาย สบายใจไปอีก 30-40 ปี ได้อย่างสบาย
ใครเสียชีวิตก่อนอายุ 70 ปี ถือว่าเสียชีวิตก่อนวัยอันควรแล้วครับสมัยนี้ 80 ปียังอาจดูเร็วไปด้วยซ้ำ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี