ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ได้มีการจัดตั้งมา 31 ปีแล้ว ศูนย์ฯได้พัฒนาจนเป็นศูนย์บริการอวัยวะและเนื้อเยื่อระดับชาติ โดยเป็นองค์กรหลักที่มุ่งดำเนินการเพื่อให้มีการบริจาคอวัยวะและเนื้อเยื่ออย่างเพียงพอต่อการปลูกถ่ายอวัยวะภายในประเทศ มีการจัดสรรด้วยความเป็นธรรม และเป็นที่ยอมรับของวงการแพทย์และสังคม ภายใต้คุณภาพและการบริหารงานในระดับมาตรฐานสากล ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะยกระดับสู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชีย
ในปี พ.ศ.2567 มีผู้บริจาคอวัยวะสมองตายทั้งหมด 436 ราย (เท่านั้น) โดยลดลง 10 รายหรือลดลงร้อยละ 2.2 จากปี พ.ศ.2566 รวมผู้บริจาคทั้งหมดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 4,637 ราย สำหรับปี พ.ศ.2567 คิดเป็นผู้บริจาคอวัยวะประมาณ 6.6 คนต่อประชากร 1 ล้านคน
ในปี 2567 มีผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจำนวน 946 ราย แบ่งออกเป็น
จำนวนผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะและเนื้อเยื่อระหว่างวันที่ 1/2/2537-31/12/2567 มีการปลูกถ่ายอวัยวะและจัดเก็บเนื้อเยื่อ แยกเป็นอวัยวะ 10,474 ราย และเนื้อเยื่อ 6,779 ชิ้น อวัยวะที่ปลูกถ่ายมากที่สุดคือ ไต จำนวน 8,325 ราย รองลงมาได้แก่ ตับ 1,586 ราย หัวใจ 391 ราย ตับ-ไต 52 ราย หัวใจ-ปอด 43 ราย ปอด 32 ราย ตับอ่อน-ไต 24 ราย หัวใจ-ไต 14 ราย ตับอ่อน 3 ราย หัวใจ-ตับ 2 ราย ปลูกถ่ายหลายอวัยวะพร้อมกัน 2 ราย ส่วนการจัดเก็บเนื้อเยื่อที่มากที่สุด คือ ผิวหนัง 3,730 ขวด ลิ้นหัวใจ 2,619 ลิ้น กระดูกและเส้นเอ็นเริ่มจัดเก็บเมื่อ พ.ศ.2565 จนถึงปัจจุบัน 899 ชิ้น ผู้ได้รับการปลูกถ่ายกระดูกและเส้นเอ็นจำนวน 361 ราย (จากผู้บริจาคอวัยวะ 57 ร่าง) หลอดเลือด 9 ชิ้น
ในปี พ.ศ.2567 มีผู้ลงทะเบียนรอรับการปลูกถ่ายอวัยวะทุกอวัยวะ จำนวน 7,486 ราย ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ 946 ราย จากผู้บริจาคอวัยวะ 436 ราย หรือมีผู้รับการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้บริจาคสมองตายเพียงร้อยละ 12.6 ของผู้รออวัยวะทั้งหมด
และในปี พ.ศ.2567 มีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะขณะมีชีวิตอยู่ 118,802 คน และตั้งแต่ พ.ศ.2537 ถึงปัจจุบันมีจำนวน 1,765,271 คน คิดเป็นร้อยละ 2.7 ของประชากรทั่วประเทศ โดยในปี พ.ศ.2567 มีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะลดลงจากปีที่ผ่านมา 9,132 คน คิดเป็นลดลงจากปีก่อนร้อยละ 7.7
จะเห็นได้ว่าการบริจาคอวัยวะจากผู้ที่มีสมองตายยังน้อยมากๆ กล่าวคือ ในปี พ.ศ.2567 มีผู้บริจาคเพียง 436 รายเท่านั้น ลดลงจากปี พ.ศ.2566 ด้วยซ้ำไป ทำให้มีการปลูกถ่ายอวัยวะเพียง 946 ราย จากทั้งหมด 7,486 รายที่รอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ
จำนวนผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะขณะมีชีวิตอยู่มีมาก เช่น ในปี พ.ศ.2567 มีถึง 118,802 คน แต่อาจจะเป็นเพราะท่านเหล่านี้มีจิตกุศล จึงมีชีวิตที่ยาวนาน ผมอยากเสนอให้ทุกคน ทุกครอบครัว ทั้งประเทศ นำโดยรัฐบาล พยายามประชาสัมพันธ์ คิดหาวิธีการที่จะทำให้ทุกๆ ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ เกี่ยวกับภาวะสมองตาย (ผู้ที่สมองตายจะไม่สามารถฟื้นกลับมาได้) เกี่ยวกับจำนวนผู้ที่รอรับการบริจาคอวัยวะ เพื่อที่จะช่วยทำให้ประชาชนทุกๆ คนเข้าใจ และเต็มใจที่จะบริจาคอวัยวะเมื่อยังมีชีวิตอยู่ อวัยวะที่สะดวกที่สุดมักมาจากผู้ที่มีภาวะสมองตาย เพราะผู้นั้นมักอยู่ใน รพ.แล้ว การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนจะมีปัญหาในการที่ฝ่ายแพทย์จะไปผ่าตัดเอาอวัยวะต่างๆ ออกมาไม่ทัน
เป้าหมาย คือ ผู้ที่มีสมองตายที่อยู่ในโรงพยาบาล เพราะทีมแพทย์ที่จะไปผ่าตัดเอาอวัยวะออกจะมีเวลา ถ้าผู้ที่มีสมองตายสามารถตัดสินใจได้เองคงยอมบริจาค แต่ญาติพี่น้องอาจไม่รู้รายละเอียดหรือทราบเกี่ยวกับความต้องการของผู้ที่มีสมองตายจึงอาจไม่กล้าตัดสินใจ หรือใช้เวลานานในการตัดสินใจ
ศูนย์รับบริจาคอวัยวะและสถาบันการแพทย์ที่เกี่ยวข้องต่างยินดีรับใช้ประชาชนและช่วยทำให้ประชาชนที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะได้มีโอกาสมีชีวิตต่อไปอีกนานและสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคม ประเทศอย่างมากมาย ไม่นับความยินดี ความสุข ของญาติพี่น้อง ฉะนั้นผมอยากให้ทุกๆ คนรับทราบเรื่องนี้ และรัฐบาลคิดหาวิธีการที่จะทำให้ประชาชนสมัครใจเองในการบริจาคอวัยวะล่วงหน้า ถ้าหากอนาคตเขาต้องประสบปัญหาสมองตาย
ถึงเสียชีวิตแล้วยังมีสิทธิ์ช่วยชีวิตคนอื่นให้อยู่รอดได้ครับ1 ท่านสามารถบริจาคได้หลายอวัยวะ สามารถช่วยให้คนที่มีชีวิตต่อไปได้อีกถึง 7-8 คนครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี