ภายหลังจากโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปวีดีโอที่มีการประกาศปฏิญญามหาสารคาม ความว่า ขอให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้โครงการสวัสดิการเงินการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ทุกโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป และนายอวยชัย วะทา ประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงในเพจส่วนตัว "ดร.อวยชัย วะทา" เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม เวลา 17.06 น. เรื่อง ขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างเร่งด่วน เรียน ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี
สังคมโซเซียลรุมด่า "อวยชัย วะทา" ยับ
หลังจากข้อความดังกล่าวของนายอวยชัย วะทา เผยแพร่ออกไปปรากฎว่าได้ถูกสมาชิกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่เป็นการโจมตีครูกลุ่มนี้และนายอวยชัย เช่น -เปลี่ยนชื่อปฏิณญาด้วยอย่าเอาชื่อจังหวัดมหาสารคามมาบังหน้าแบบนี้..ชื่อเสียงจังหวัดมหาสารคามเสียหายหมด,
-กู้ได้ ก็ต้องใช้หนี้เงินกู้ได้สิครับ อย่าคิดแต่จะกู้อย่างเดียว,
-เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ อย่ามาหน้าด้าน ก่อนหน้านี้เค้าบังคับให้พวกคุณ..ไปกู้เหรอ?,
-พวกท่านสร้างหนี้มา ตอนจะกู้ เค้าก็มีบอกรายละเอียด ถ้าไม่อยากเป็นหนี้ จะกู้หนี้ยืมสินมาทำไมครับ เรายืมเค้ามา เราก็ต้องคืนเค้า ถ้าเรื่องแค่นี้ครูยังคิดไม่ได้ ครูจะสอนเด็กต่อยังไงครับ เรื่องโตไปไม่โกง ก็คงยากแล้ว สำหรับเด็กไทย,
-อาจมีหลายคนโดนหลอกลงชื่อครับเพราะมีบางคนบอกว่าลงชื่อเพื่อปรับโครงสร้างหนี้หรือหาแหล่งเงินทุนมาใช้หนี้แทนโดยการรวมหนี้ไว้ที่เดียวแต่เอาเข้าจริงๆ กลายเป็นคนละเรื่องตรวจสอบรายชื่อให้ดีด้วยนะครับว่าคนที่มีชื่อเขาได้ลงลายมือไหมหรือเอาผีที่ไหนมาถือว่าเลวได้ใจจริงๆ,
-ตอนกู้แฮปปี้ มีรถมีบ้าน ตอนจ่ายไม่มีก็เอาบ้านเอารถไปขายเด้ เป็นครูแล้วมีสิทธิเหนือคนอื่นหรอ เป็นครูยิ่งต้องเป็นต้นแบบ โตไปไม่โกงเหมือนครูนะลูก,
-เด็กกู้ กยศ เรียน เด็กมันยังต้องใช้เลย ไม่เห็นเด็กมันรวมตัวกันแบบพวกคุณ แต่พวกคุณเป็นครู เป็นแม่พิมพ์พ่อพิมพ์และเป็นอาชีพที่ต้องสอนคนอื่น แต่กลับไม่ทำตัวอย่างที่ดีให้ลูกศิษย์เห็น แล้วพวกคุณจะมีหน้าไปสอนเขาได้ยังไง รวมตัวกันลาออกเถอะค่ะ จะได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เขา ก่อนจะไปกู้ พวกคุณยอมรับเงื่อนไขได้ทุกอย่าง แต่พอถึงเวลาต้องจ่ายคืนพวกคุณกลับมีปัญหา อิดออด ทั้งที่ธนาคารก็พยายามแก้ไข-ปรับโครงสร้างหนี้ให้พวกคุณ แย่นะ ละอายใจบ้างเถอะ ไม่อายใคร เวลาส่องกระจกก็หัดอายตัวเองบ้าง, เป็นต้น
"อวยชัย วะทา" แจงปมครูไม่ยอมจ่ายหนี้
ต่อมาวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอวยชัย วะทา ได้ชี้แจงถึงเรื่องคลิปที่เผยแพร่ออกไปเป็นการประชุมผู้นำเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมเธียเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม โดยตนเป็นคนแถลงต่อที่ประชุมว่า เมื่อปี 2552 สกสค.(สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา) ได้ทำข้อตกลงกับธนาคารออมสิน เพื่อให้สมาชิก ช.พ.ค. และ ช.พ.ส. กู้เงินจากธนาคารออมสินรายละไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยมีกำหนดผ่อนชำระ 30 ปี หรือ 360 งวด มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.ใช้หนี้สถาบันการเงินและหนี้นอกระบบ 2.เพื่อซื้อบ้านหรือสร้างที่อยู่อาศัย 3.เพื่อซื้อรถยนต์หรือยานพาหนะ 4.เพื่อซื้อหุ้นหรือลงทุนทำธุรกิจ 5.เพื่อใช้จ่ายในการศึกษาหรือธุรกรรมที่จำเป็นอื่นๆ โดยมีข้าราชการครู คณาจารย์ และบุคลากรสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมโครงการประมาณ 450,000 คน วงเงินกว่า 4 แสนล้านบาท
ในการดำเนินการช่วยเพื่อนครูตามโครงการดังกล่าวกลับไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องเดือดร้อน แบกรับภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการคิดดอกเบี้ยของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ให้กับเพื่อนครู คิดอัตราดอกเบี้ยเหมือนธนาคารพาณิชย์ และปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ มีการหักเงินจากผู้กู้ในแต่ละเดือนเป็นค่าดอกเบี้ยแทบทั้งหมด จนกว่าจะได้ดอกเบี้ยครบก่อน แล้วจึงหักเงินต้น ทำให้ผู้กู้ต้องเสียค่าดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 เท่าของเงินต้น ในระยะเวลานานถึง 30 ปี ยกตัวอย่างเคสของตน กู้เงินมาจำนวน 1.2 ล้านบาท หักเงินเดือนละกว่า 7,000 บาท ซึ่งส่งเงินมาแล้วระยะเวลา 7 ปี เงินต้นลดลงเพียง 100,000 บาท ยอดหนี้ยังอยู่ที่ 1.1 ล้านบาท
แฉ "ยังบังคับครูให้ทำประกันชีวิตอีก"
นอกจากนี้ ยังบังคับครูให้ทำประกันชีวิตอีก โดยอ้างว่าเพื่อประกันความเสี่ยงของธนาคารออมสิน โดยบังคับหักเงินค่าประกัน 10 ปี งวดเดียว 80,000-200,000 บาท รวมแล้วกว่า 1 แสนล้านบาทโดยผู้กู้ไม่ได้รับประโยชน์หรือดอกผลจากเงินจำนวนดังกล่าวเลย แต่ผู้ได้รับประโยชน์มหาศาลคือ บริษัทประกัน ธนาคารออมสิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ สกสค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีโครงการระดมทุน หรือโครงการร่วมทุนจากผู้กู้ ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเพิ่มพูนรายได้หรือหาทางปลดเปลื้องหนี้สิน และเพิ่มพูนรายได้อย่างเป็นระบบ นอกจากโครงการขายบ้าน ขายรถ ขายประกัน และโครงการส่งเสริมการเป็นหนี้อื่นๆ ซึ่งยิ่งแต่จะสร้างภาระหนี้สินทับซ้อนขึ้นไปยิ่งกว่าเดิมอีก
โดยในวันดังกล่าวมีนายตวง อันทะไชย ประธานกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้เดินทางมารับหนังสือข้อเรียกร้องจากองค์กรครู โดยทางพี่น้องเครือข่ายครูขอเรียกร้องให้ 1.ให้ดำเนินการพักหนี้ครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการ ช.พ.ค.โดยเร่งด่วน 2.รัฐบาลประกาศพักหนี้ครูเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นให้ลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 1 เหมือนเกษตรกร 3.ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติและรัฐบาล แต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญและคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พร้อมทั้งประกาศเป็นวาระแห่งชาติภายในเดือนตุลาคม 2561 นี้ ก่อนที่จะมีการกล่าวปฏิญญามหาสารคาม โดยนายสุริยนต์ สุวรรณวงศ์ ประธานชมรมครูภาคกลาง เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ ตามที่ปรากฏคลิปที่แพร่กระจายออกไป โดยมีสโลแกนร่วมกันว่า "ปลดหนี้ครู ปลดหนี้ กยศ. ปลดแอกการศึกษาไทย"
"อวยชัย" เป็นนักเคลื่อนไหวไม่ใช่แค่ครู
สำหรับนายอวยชัย วะทา เคยเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มการชุมนุมในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2549 ในฐานะแกนนำครู ไม่เพียงแต่การเคลื่อนไหวในนามขององค์กรครูเท่านั้น นายอวยชัย ยังได้เข้าร่วมกับเกษตรกรในนามของสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โดยเขาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสมัชชาดังกล่าว เคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องที่ทำกินให้กับเกษตรกรในภาคอีสาน คัดค้านการทำโรงโม่หินในจังหวัดเลย ซึ่งในครั้งนั้นครูประเวียน บุญหนัก แกนนำในการเคลื่อนไหวคนสำคัญ ต้องสังเวยชีวิตให้กับอิทธิพลมืด รวมทั้งการเคลื่อนไหวคัดค้านโรงโม่หินในจังหวัดหนองบัวลำภู ที่มีการระเบิดภูเขาเป็นลูกๆ นายอวยชัย ก็เข้าร่วมเคลื่อนไหวในฐานะแกนนำคนหนึ่งเช่นกัน
บทบาทของนายอวยชัย วะทา นับได้ว่านอกจากบทบาทตามอาชีพข้าราชการครู แล้ว นายอวยชัย ยังมีบทบาทในทางการเมืองมาโดยตลอด และการออกมาเคลื่อนไหวประเด็นหนี้ครูครั้งนี้ โดยยกอ้างความไม่เป็นธรรมของสถาบันการเงิน พยายามดึงครูที่เป็นหนี้ทั้งประเทศออกมาเคลื่อนไหวจึงน่าติดตามต่อเนื่อง
ส่วนใหญ่เป็น ขรก.เกษียณเงินไม่พอใช้
ล่าสุด ดร.ครรชิต วรรณชา ศึกษาธิการจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า กรณีครูที่ออกมาประกาศปฏิญญาขอยุติการชำระหนี้ ช.พ.ค.ให้กับธนาคารออมสิน ตนมองว่า การที่กลุ่มครูออกมาเคลื่อนไหวนั้นถือเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ส่วนตันมองว่าไม่เหมาะสม ซึ่งกลุ่มครูที่ออกมาเคลื่อนไหวส่วนใหญ่พบว่าเป็นข้าราชการเกษียณ รายได้จากเงินบำนาญอาจจะไม่พอกับค่าใช้จ่าย ซึ่งตนเองเป็นแค่ผู้รับผิดชอบพื้นที่ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา แต่ภายหลังจากทราบข่าวตนเองได้มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบ ทั้ง ผอ.กลุ่ม และนิติกรได้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและจะได้รายงานผู้บังคับบัญชาได้ทราบ
"ผมเคยรับตำแหน่ง ผอ.เขตการศึกษามาก่อนที่จะมารับตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด ที่ผ่านมาเคยได้ทำบันทึกข้อตกลงหรือ MOU กับทางธนาคารออมสิน และ สกสค. ในแต่ละจังหวัดว่า หลังจากที่ได้ยื่นกู้และได้รับเงินตามสิทธิ์แล้ว พันธะที่ต้องดำเนินการคือเรื่องหนี้สิน ซึ่งก่อนหน้านั้นพี่น้องครูอาจจะยังไม่เดือดร้อน แต่หลังจากที่เกษียณแล้วเงินที่หักจ่ายในแต่ละเดือน อาจจะมากจนไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย แต่ทราบมาว่าทางผู้บังคับบัญชาในระดับสูงสุดของแต่ละกระทรวง แต่ละกรมได้ช่วยประนีประนอมไกล่เกลี่ยเรื่องนี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาเคยมีการพูดคุยกันทราบว่า 1.จะมีการคืนส่วนต่างที่เคยให้กับหน่วยงานที่หักให้กับสมาชิกที่มีประวัติการส่งเงินดี 2.เรื่องดอกเบี้ยก็ได้มีการพูดคุยกัน มีการปรับโครงสร้างหนี้ แต่รายละเอียดต่างๆ ก็ออกมาเป็นข่าวได้ไม่นานก็เงียบหายไป"
ดร.ครรชิต กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของจังหวัดมหาสารคาม ถือว่าพี่น้องเพื่อนครูให้ความร่วมมือดี ยินยอมให้หักเงิน ปัญหาเช่นนี้ถามว่าผิดวินัยหรือไม่ในเชิงกฎหมายถือว่ายังไม่ผิด เพราะจากข่าวที่ปรากฏออกไปถือว่าเป็นปฏิญญาเฉยๆ แต่หากไม่ส่งเงิน ซึ่งทางธนาคารออมสิน หรือ สกสค. มีข้อกฎหมายระบุไว้ในสัญญาอยู่แล้ว หากผู้กู้ไม่ส่งเงินต่อ จนเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย จนศาลสูงสุดพิพากษาว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ตรงนั้นถือจะเข้าสู่กระบวนการทางวินับ ว่าด้วย พ.ร.บ.ระเบียบครู ฉบับปัจจุบัน แก้ไขเพิ่มเติม คือ คุณสมบัติของครูและบุคลากรทางการศึกษานั้นจะต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
"ตรงนั้นถือจะเข้าสู่กระบวนการทางวินัย ซึ่งมาถึงจุดนี้เราจะต้องช่วยกันหาทางออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลักษณ์ของครูที่ออกไป เราเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ผมมองว่ายังมีอีกหลายทางออก ในส่วนของจังหวัดมหาสารคาม หากดูจากข้อมูลข้าราชการครูที่มีหนี้อยู่ในภาวะวิกฤต ถือว่ามีไม่มากประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณ เพราะเงินบำนาญอาจไม่พอค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน" ดร.ครรชิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี