"กสินไฟแก้วสารพัดนึก"รุ่น1 น้อมรำลึก8กันยาฯ 19ปีวันละสังขาร"หลวงปู่สรวง"เทวดาเดินดิน เล่าเหตุการณ์วินาทีหลวงปู่มรณภาพ น่าอัศจรรย์ที่สุด!!!
วันนี้ (8 ก.ย.62) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ได้ลงพื้นที่ ณ กระท่อมละสังขารบ้านรุน ต.อาโพน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ของหลวงปู่สรวง ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันสำคัญ เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายในวันละสังขารของหลวงปู่สรวง เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2542 (ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง) หลวงปู่สรวงแต่เดิมเป็นชาวกัมพูชาและได้เดินทางมาอยู่บริเวณอำเภอขุนหาญ และอำเภอขุขันธ์ แถบชายแดนตามเชิงเขาพนมดังรัก (พนมดองเร็ก) ซึ่งเป็นเขตกั้นกลางระหว่างประเทศกัมพูชา ท่านเป็นผู้ทรงศีลปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ และได้พักอาศัยอยู่ตามกระท่อมในไร่นาของชาวบ้านโคก และเวียนไปในที่ต่างๆ นานๆ ก็จะกลับมาให้เห็น ณ ที่เดิมอีก ในสายตาและความเข้าใจของชาวบ้านในสมัยนั้นมองท่านว่าเป็นผู้มีคุณวิเศษแตกต่างจากบุคคลทั่วไป และเรียกขานท่านว่า "ลูกเอ็อวเบ๊าะ" หรือ "ลูกตาเบ๊าะ" (เป็นภาษาเขมร หมายถึงพระดาบสที่เป็นผู้รักษาศีลอยู่ตามถ้ำตามป่าเขา)
ที่กระท่อมละสังขารบ้านรุนแห่งนี้ หลวงปู่สรวงท่านได้ให้ปริศนาธรรมคำสอน เพื่อให้แก่ประชาชนและศิษย์นำไปปฏิบัติมากมาย และที่ผ่านมาหลังจากหลวงปู่สรวงได้ละสังขารแล้ว บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รวบรวมปฏิมากรรมหลวงปู่สรวง ที่ทำจากที่ต่างๆ มาไว้ที่กระท่อมละสังขารบ้านรุนแห่งนี้ และเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้เห็นและนำไปปฏิบัติตามแต่ฐานะของตน "หลวงปู่สรวงเป็นผู้มีอภิญญาผู้สำเร็จกสิณไฟ ไฟหลวงปู่ไม่เคยมอด แม้หลวงปู่มรณภาพไปแล้ว แต่หลวงปู่ท่านยังทรงไว้ซึ่งความเมตตาโปรดสัตว์ผู้ทุกข์ยาก ผู้ที่มีทุกข์ได้เดินทางรอนแรมมาหาท่านยังสถานที่ที่หลวงปู่เคยพำนัก และได้อธิษฐานขอพรจากหลวงปู่ก็มักประสบกับความสำเร็จทุกประการ มีผู้ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดให้ดูว่าวที่มีผู้นำมาถวายในการขอพร ถ้าสำเร็จดังประสงค์จะนำว่าว หรือไก่ มาถวายสถานที่นี้ จึงเต็มไปด้วยว่าวและไก่ ว่าวกับไก่เป็นสัญญลักษ์หลวงปู่ เป็นปริศนาธรรม หลวงปู่สรวงผู้ประพฤติตนเป็นตัวอย่าง พูดน้อยทำมาก และเมตตาต่อสรรพสัตว์เป็นโพธิสัตว์ของมนุษย์และสัตว์โลก สถานที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่สุดท้ายเป็นที่ละสังขารของหลวงปู่สรวงท่านเป็นที่พึ่งของผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก และวันนี้ลูกศิษย์ได้มีการแจก กสิณไฟแก้วสารพัดนึก รุ่น 1 จำนวน 200 องค์ เพื่อน้อมรำลึก 8 กันยายน วันละสังขาร
นายสมเกียรติ สุประชากุล ลูกศิษย์หลวงปู่สรวง ผู้จัดสร้าง กสิณไฟแก้วสารพัดนึก รุ่น 1 เล่าว่า ตนมีความคิดที่จะสร้าง วัตถุมงคล "กสิณไฟแก้วสารพัดนึก" มาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ตนทราบว่า หลวงปู่สรวง ท่านได้มาพำนักอาศัย อยู่ที่กระท่อมปลายนา บ้านรุน ต.อาโพน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ และได้มีการก่อกองไฟขึ้น ซึ่ง "กสิณไฟแก้วสารพัดนึก" มีความสำคัญ เป็นลักษณะ ผู้สำเร็จกสิณไฟ กสิณไฟมีหลวงปู่โอภาศรี องค์หนึ่ง หลวงปู่สรวง องค์หนึ่ง วันหนึ่งได้มีนายสมาน ยาจิต ได้แวะเวียนมาที่กระท่อมละสังขารของหลวงปู่สรวง ซึ่งยังคงมีกองไฟที่หลวงปู่เคยก่อเอาไว้อยู่ จึงให้นายสมาน ของสิ่งที่สำคัญนี้มา เพื่อที่จะนำมาสักการะบูชาเป็นส่วนตัว ก่อนที่จะเอามาต้องของเจ้าของที่ผู้ดูแลซึ่งเป็น ผู้ช่วยผั้ใหญ่บ้านรุน เป็นวันดีนายสมานนำไปมอบให้ตนก็รับไว้ วันที่รับไว้ตนก็ไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่าได้ของดีมาบูชาแล้ว เป็นกสิณไฟหลวงปู่สรวง เมื่อนายสมานกลับไปตนได้มีความระลึกนึกถึงหลวงปู่สรวงว่า เอะเราได้กสิณมาแล้วจะอะไรต่อ หลวงปู่ท่านจะมีจัดอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ทันทีที่ระลึกได้ว่าวันที่หลวงปู่มรณภาพคือ วันที่ 8 กันยายน 2542 ตนได้รับกสิณไฟมาก่อน 1 เดือน ตนจึงคิดสร้างวัตถุมงคลที่เป็นของหลวงปู่สรวง ให้มา สืบทอดมา ซึ่งหลายๆคนอาจจะทราบความสำคัญแล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่ทราบ และยังไม่มีโอกาสได้มาครอบครอง หรือว่าได้มาบูชา ตนจึงคิดสร้าง "กสิณไฟแก้วสารพัดนึก" รุ่น 1 ของหลวงปู่สรวง แจกในวันคล้ายวันมรณะภาพ หรือวันละสังขารของหลวงปู่สรวง และเพื่อเป็นการระดมทุนจัดสร้างกำแพงเล็กถวายหลวงปู่สรวง
ด้าน พระครูคัมภีร์ระ สราธิคุณ เจ้าอาวาสวัดลุ่มพุกหนองกุง ต.หนองเหล็ก อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ลูกศิษย์หลวงปู่สรวง ผู้อยู่ในเหตุการณ์วันละสังขาร เล่าว่า หมอโรงพยาบาลบัวเชดได้วินิจฉัยว่า หลวงปู่สรวง ได้เสียชีวิตหรือมรณะภาพได้ 3 - 4 ชม.แล้ว แต่ตัวท่านไม่แข็ง ลูกศิษย์ลูกหาได้นำสังขารหลวงปู่สรวงมาที่บ้านรุน อาตมาก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรว่า ทำไมสังขารหลวงปู่สรวงไม่ได้อยู่ในที่พักสงฆ์บ้านรุน พอดีบางคนบางท่านพูดว่า ชาวบ้านยังไม่พร้อม จึงเคลื่อนย้ายไปบ้านขยุงรถยนต์บางคันจู่ก็ดับโดยไม่รู้เรื่อง ก็เลยวิ่งรถกลับไปที่วัดเขาพระลานเพชร ติดต่อเจ้าอาวาสไม่ได้ พอดีวิ่งไปที่วัดไพรพัฒนา หลวงพ่อพุด หรือพระครูสุนทร ก็เป็นลูกศิษย์อีกรูปหนึ่ง ได้นำขัน 5 ขัน 8 กับสารวัตรสารท ถ้าหากบุญบรามีของลูกศิษย์ลูกหา พอดีพอเกิดก็จะขอเอาสังขารหลวงปู่สรวง ไปบำเพ็ญบุญที่วัดบ้านไพรพัฒนา ลูกศิษย์หลายท่านนำโดยเสี่ยยาน ตาหล่อ อาจารย์พุด และอาตมา ซึ่งไปทันเหตุการณ์พอดี ก็เลยพากันนำขัน 5 ขัน 8 นำโดยพระครู เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนา ซี่งเป็นเจ้าคณะอำเภอในปัจจุบัน ได้ตกลงกับลูกศิษย์ลูกหาทุกรูป เอาสังขารหลวงปู่สรวงบำเพ็ญกุศล สถานที่เหมาะสม สมันนั้นเป็นศาลาไม้ ยังไม่เจริญ ถือว่าบรามีหลวงปู่สรวงอยู่ที่ไหนก็จะเจริญที่นั้น
อย่างเช่นกระท่อมบ้านรุนแห่งนี้ เป็นจุดสุดท้ายของหลวงปู่สรวง ไม่ว่าหลวงปู่สรวงหายตัวไปนานถึง 2 ปี เนื่องจากเจ้ามือหวยจับตัวหลวงปู่สรวงไปกักกันเอาไว้ เมื่อเห็นว่าหลวงปู่สรวงหมดประโยชน์ก็เอาหลวงปู่สรวงมาทิ้งไว้ที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ อาตมาทราบข่าวว่าหลวงปู่สรวงกลับมาแล้วแต่ยังไม่มั่นใจ ก็เลยมีญาติโยม ที่ อ.ปราสาท โทรศัพท์มาบอกว่า หลวงปู่โดนตำรวจจับ จับจริงพร้อมกับตาดา ซึ่งตาดาได้นั่งรถโดยสารมาบอกอาตมาที่วัดสมบูรณ์ ว่า หลวงปู่ถูกจับที่ อ.ปราสาท เขาเข้าใจผิดว่าเป็นพระเถื่อน กลับมีเรื่องแปลกเมื่อตำรวจเอาหลวงปู่สรวงไปไว้ในโรงขัง ตำรวจเดินออก หลวงปู่ก็เดินตาม ทั้งๆที่ตำรวจคนนั้นล็อกกุญแจแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าหลวงปู่ออกมาได้เพราะเหตุอะไร พอเอาไปขังอีกรอง ตำรวจออกมา หลวงปู่ก็เดินตามออกมาเหมือนเดิม 3 ครั้งตนโยมเขายอม
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นอาตมาไปทันพอดี จึงบอกไปว่า โยมไม่ต้องทำอะไรท่านหรอก ทำอะไรก็ขังท่านไม่ได้หรอก เพราะหลวงปู่รูปนี้ อาตมารู้จักมาตั้งแต่เป็นสามเณร อภินิหารครั้งที่ 2 โยมบุญจันทร์นิมนต์ไปขึ้นบ้านใหม่ เป็นการนิมนต์อย่างเป็นทางการ พระ 9 รูป เตรียม ขัน 5 ขัน 8 หลวงปู่สรวงก็ไปตามกิจนิมนต์ของโยม อาตมาซึ่งเป็นพระบวชใหม่ก็ตามไปด้วย พอไปถึงก็ไปจับ ขัน 5 ขัน 8 โดยที่โยมไม่เข้าใจ ว่าท่านเป็นคนยังไง หลวงปู่ก็กลับมาที่วัดบ้านสมบูรณ์ โดยไม่ได้มีการเจริญพระพุทธมนต์ให้เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว จึงทราบว่าหลวงปู่ไปตามบรามี เหมือนไปที่ จ.จันทบุรี เหมือนกัน รถยนต์ไม่มีน้ำมันแต่ไปถึง จ.จันทบุรี ได้อย่างไร น้ำมันมีเพียงขีดเดียว คนขับตาน้อย (เสียชีวิต) คนบ้านรุ่น หลวงปู้สรวงชี้บอกทางอย่างเดียว แต่ไปจนถึง จ.จันทบุรี อาตมาทราบตาน้อย ว่ามีปัจจัยใส่น้ำมันไหม ตอบว่าไม่มี อาตมาถามหลวงปู่สรวงว่า มีเงินไหมหลวงปู่กลับนั่งเฉย อาตมาเป็นคนถือยามขึ้นรถเองดูแล้วไม่มีปัจจัย พอไปถึง อ.สอยดาว เข้าปั้มน้ำมันกลับพบเงินสดจำนวน 3,900 บาท อาตมาก็แปลกใจตรงนี้แหละโยม อาตมาติดตามพบอภินิหารปลวงปู่สรวงมาอย่างต่อเนื่อง ญาติโยมนิมนต์ ไป อ.ท่ามะขาม จ.จันทบุรี หลวงปู่สรวงกลับมาเข้าฝันคุณตาเลิศ ที่อยู่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ว่าหลวงปู่ยากกลับแล้ว ตอนนี้หลวงปู่อยู่ที่ จันทบุรี ตาเลิศก็ถามไปว่า อยู่อ.อะไร หลวงปู่ก็บอกว่าอยู่ที่ อ.ท่ามะขาม จ.จันทบุรี พอตาเลิศไปรับชาวบ้านก็ไม่อยากให้หลวงปู่สรวงกลับ พอจะกลับชาวบ้านอยากจะร่วมบุญกับหลวงปู่สรวง ปัจจัย 40,000 บาท หลวงปู่ก็เลยชวนลุงเลิศกลับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี