"ประติมากรรมหัวพญานาคพ่นน้ำมาสคอต" ของแหลมสนอ่อนแหล่งท่องเที่ยว ปิดพื้นที่ชั่วคราวมา 3 เดือนแล้ว ทางเทศบาลนครสงขลายังไม่ได้ทำอะไรเลย ชาวสงขลาและไกด์ชาวมาเลเซีย ที่นำนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวถามเมื่อไหร่จะเสร็จ แต่กลับไม่มีคำชี้แจงจากเทศบาลนครสงขลาให้ประชาชนทราบ
หัวพญานาคพ่นน้ำ มาสคอต ของแหลมสนอ่อน ปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา อ.เมืองสงขลา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย โดยเฉพาะกรู๊ฟทัวร์ชาวมาเลเซีย ที่เดินทางมาท่องเที่ยวต่างพากันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และชมความสวยงามของทัศนียภาพของปากร่องน้ำ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลสาบสงขลากับทะเลอ่าวไทย และเป็นการสัญจรทางเรือทั้งเรือประมง เรือพาณิชย์และถ่ายรูปเป็นกลุ่มเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากหัวพญานาคพ่นน้ำเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวที่แหลมสมิหลา นอกเหนือจากรูปปั้นนางเงือกทอง
ขณะนี้ได้ปิดพื้นที่ชั่วคราวมา 3 เดือนแล้ว โดยยังไม่ได้ทำอะไรเลยไกด์ชาวมาเลเซียที่นำนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวถามเมื่อไหร่จะเสร็จ เพราะนำนักท่องเที่ยวมากี่ครั้งกี่ครั้งก็ยังอยู่แบบนี้เหมือนเดิม รวมทั้งชาวสงขลาก็มีคำถามร้องเรียนเข้ามาเช่นเดียวกันผ่านไป 3 เดือนไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่มีคำชี้แจงให้ประชาชนทราบ หากทางเทศบาลนครสงขลาสนใจดูแลบำรุงรักษาแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ปีละครั้งทุกปี ก็คงจะไม่ต้องปิดแบบนี้
โดยมีป้ายไวนิลขนาดใหญ่ปิดพื้นที่ชั่วคราวเพื่อซ่อมแซมลานหัวพญานาคและปรับภูมิทัศน์โดยรอบ รวมทั้งตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง เนื่องจากทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2549 เป็นเวลา 13 ปี ยังไม่เคยตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและบูรณะซ่อมแซมเลยตั้งแต่ก่อสร้างมา ทำให้หัวพญานาคพ่นน้ำทรุดโทรม ตามกาลเวลา
ที่ผ่านมาหากทางเทศบาลนครสงขลามีความตั้งใจที่จะดูแลแหล่งท่องเที่ยวตรงนี้มาตั้งแต่ต้น ปีละครั้งก็ยังดีที่จะบำรุงรักษาพญานาคพ่นน้ำให้คงอยู่ตลอดไปไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนสายเกินแก้แบบนี้ จนต้องปิดแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังดีได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วย และชาวสงขลามีข้อกังขาที่ว่า พญานาคพ่นน้ำไม่ได้ก่อสร้างในคณะผู้บริหารเทศบาลนครสงขลาชุดนี้จึงทำให้ขาดการดูแลเอาใจใส่ในการบำรุงรักษาเท่าที่ควรจะเป็น คงปล่อยปละละเลยจนสายเกินแก้แบบนี้
หัวพญานาคพ่นน้ำ ทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2549 เป็นเวลา 13 ปียังไม่เคยตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและบูรณะซ่อมแซมเลยตั้งแต่ก่อสร้างมา ทำให้หัวพญานาคพ่นน้ำทรุดโทรม ตามกาลเวลา
โดยเทศบาลนครสงขลา ทำการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ เขียนข้อความ งดใช้พื้นที่ชั่วคราวเพื่อซ่อมแซมลานหัวพญานาคและปรับภูมิทัศน์โดยรอบ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และกั้นรั้วปิดบริเวณโดยรอบ และมีป้ายภาษาไทย ติดที่ใกล้บันไดทางขึ้นลานพญานาค "งดใช้ชั่วคราวอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง" เนื่องจากทำการก่อสร้างมา เป็นเวลา 13 ปี ยังไม่เคยตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและบูรณะซ่อมแซมเลยตั้งแต่ก่อสร้างมาสีสันหัวพญานาคซีดด่างไปหมดไม่เหลือความสวยงามให้เห็น และฐานหัวพญานาคปูนซีเมนต์กระเทาะเหล็กเส้นที่อยู่ในปูนขึ้นสนิมทั้งแถบรอบแท่นฐาน รวมทั้งพื้นบันไดแผ่นกระเบื้องที่ปูพื้นหลุดออกเป็นแถบๆ ที่ผ่านมาหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงไม่มีการบำรุงรักษาบูรณะซ่อมแซมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจุดนี้ให้มีความสวยงามดังเดิม ปล่อยให้ความเสื่อมโทรมโชว์นักท่องเที่ยวมาตลอด
มีรายงานข่าวว่า เทศบาลนครสงขลาได้ตั้งงบประมาณปี 2562 จำนวน 4 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงามยิ่งขึ้นเป็นแลนด์มาร์คต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่เมื่อสำนักการช่างเทศบาลนครสงขลาได้ทำการสำรวจออกแบบก็พบว่า ฐานรากเสาที่รองรับพื้นฐานหัวพระยานาคสึกกร่อน ชำรุดมาก ปูนพื้นเสาซีเมนต์ที่ค้ำยันกระเทาะ เหล็กเริ่มขึ้นสนิมอาจจะทรุดตัวเกรงจะเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและหัวพระยานาคจะเสียหาย
เทศบาลนครสงขลาเลยมีความจำเป็นต้องปิดกั้นพื้นที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสามารถดำเนินการซ่อมแซมฐานรากให้กลับมามั่นคงแข็งแรงอีกครั้ง แต่ไม่มีกำหนดเวลาว่าจะซ่อมเสร็จอีกกี่เดือนหรืออีกกี่ปีคงจะต้องปล่อยให้มันอยู่แบบนั้นต่อไปเรื่อยๆจนกว่าหัวพญานาคจะพังลงมาเอง แล้วคงจะต้องโทษธรรมชาติอีก เพราะกำลังจะเข้าฤดูมรสุมในเดือนนี้แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี