วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ต้องยอมรับว่า คนเรามีบุญมีกรรมไม่เท่ากัน สะสมบุญบารมีมาไม่เท่ากัน ทำทานมาไม่เท่ากัน เวลาที่คนหนึ่งไปทำบุญ อีกคนหนึ่งก็ไม่อยากจะไป คนหนึ่งชอบไปกินเหล้าเมายา อีกคนก็ไม่อยากจะไป เพราะบำเพ็ญมาไม่เหมือนกัน สะสมบุญบารมีมาแตกต่างกัน เพียงแต่ได้มาเจอกัน
แล้วเกิดมีความจำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ก็อยู่กันไป ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องแยกทางกัน เวลาไหนที่เรามีโอกาสว่าง พอที่จะปลีกตัวไปทำอะไรของเราได้ เราก็ไป แต่ถ้าเขาจะไปด้วยก็ดี ถ้าเขาไม่ไป ก็ไม่เป็นไร เพราะในที่สุดเขาก็ต้องปฏิบัติของเขาเอง เรากินข้าวแทนเขาได้ไหมล่ะ เขาก็ต้องกินข้าวของเขา เราก็ต้องกินข้าวของเรา เวลาเรากินข้าวแล้วเขาไม่กิน เราจะไปบังคับเขาได้ไหม เขาไม่หิวเขาไม่อยากจะกิน เราก็บังคับเขาไม่ได้
การปฏิบัติก็เหมือนกัน เป็นสิ่งที่แต่ละคนจะต้องปฏิบัติกันเอง ทำกันเอง ไม่มีใครทำแทนกันได้ แต่ทำเป็นตัวอย่างให้เขาเกิดกำลังใจได้ เช่นถ้าได้อยู่กับคนที่มีความเข้มข้น ก็จะช่วยดูดเราให้มีความเข้มข้นขึ้น อย่างที่เล่าให้ฟัง สมัยที่อาตมาอยู่คนเดียว ก็คิดว่าเข้มข้นแล้ว แต่พอไปอยู่กับคนที่เข้มข้นกว่า ก็รู้ว่ายังใส ยังไม่เข้มข้น ก็ทำให้ได้เพิ่มความเข้มข้นขึ้นมา แต่ถ้าไปอยู่กับคนที่ใสกว่าเรา เขาก็จะดึงให้ใสตามเขาไป
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าถ้าจะอยู่กับใคร ให้อยู่กับคนที่ฉลาดกว่าเรา เก่งกว่าเรา หรือเท่าเรา อย่าไปอยู่กับคนที่โง่กว่าเรา เลวกว่าเรา ถ้าไม่สามารถหาคนที่ฉลาดกว่าเรา เก่งกว่าเราได้ ก็อยู่ของเราไปคนเดียวดีกว่า อย่าไปอยู่กับคนที่เลวกว่า เพราะจะฉุดเราให้เลวกว่าที่เป็นอยู่
การเลือกเพื่อนปฏิบัติ เลือกกัลยาณมิตรต้องหาคนที่เก่งกว่าเรา ดีกว่าเรา เพราะเขาสามารถฉุดเราช่วยเราได้ อย่างพระสาวกทุกรูปก็ต้องหาพระพุทธเจ้าทั้งนั้น พอหาพระพุทธเจ้าได้แล้ว ก็ไม่ผิดหวัง ความปรารถนาดีก็ดีอยู่หรอก เราเห็นว่าสิ่งนี้ดี ก็อยากจะให้เขาได้รับประโยชน์ด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่า แต่ละคนมีภาชนะขนาดไม่เท่ากัน บางคนก็มีกระแป๋ง บางคนก็มีถ้วย คนที่มีถ้วยก็ได้น้ำแค่ถ้วยเดียว คนที่มีกระแป๋งก็ได้มากกว่า
เราอยากจะให้เขาเยอะๆ แต่เขามีถ้วยใบนิดเดียว ใส่มากเกินไป ก็ล้นถ้วยไปเปล่าๆ เสียเวลา จะเหนื่อยเปล่าๆ ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ต้องสร้างภาชนะคือใจของเขาให้ใหญ่ขึ้น เพื่อจะได้รับสิ่งที่มีคุณค่ามีประโยชน์ได้ ด้วยการบำเพ็ญไปเรื่อยๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทำทานก็ทำมากขึ้นไปเรื่อยๆ ศีลก็รักษามากขึ้นไปเรื่อยๆ ภาวนาก็ภาวนามากขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องทำจากที่เราทำอยู่ แล้วเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าทำไปอย่างไม่หยุดยั้งแล้ว เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายปลายทางเอง
ถ้ามาคอยพะวงกับคนนั้นคนนี้ เดี๋ยวก็จะเขว จะไม่ได้ทำ จะไม่ก้าวหน้า ถามว่าอย่างนี้เป็นความเห็นแก่ตัวหรือไม่ จะว่าเห็นแก่ตัวก็เป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่เสียหาย เพราะไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร คนเราทุกคนก็มีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น มีความรักตัวกลัวตาย ต้องดูแลรักษาตัวเองด้วยกันทุกคน เป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่ได้ไปเบียดเบียนผู้อื่น ไม่ได้ละเลยหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ ก็ไม่เสียหายตรงไหน
ถ้ายังมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติต่อคนนั้นคนนี้ก็ปฏิบัติไป ส่วนงานส่วนตัว มีเวลาว่างก็ทำของเราไป เราชวนเขาแล้ว ถ้าเขามาก็เป็นบุญของเขา ถ้าเขาไม่มาก็แสดงว่ายังไม่พร้อม ก็ต้องยอมรับความจริงนี้ ถ้ามากังวลจะไม่สามารถปฏิบัติได้
.....................
เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี