ชาวบ้านหางไหล อำเภอพรหมพิราม ยึดอาชีพเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำน่านหันมาเลี้ยงปลาสังกะวาดเลี้ยงง่ายให้ราคาสูง มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงกระชัง ส่งประเทศเพื่อนบ้าน มีเท่าไหร่รับซื้อไม่อั้นสร้างรายได้งาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรที่บ้านหางไหล หมู่ 4 ต.มะต้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ที่ยึดอาชีพเลี้ยงปลากระชังมานานกว่า 20 ปี ได้หันมาทดลองเลี้ยงปลาสังกะวาดในกระชังแม่น้ำน่าน ประสบผลสำเร็จ เลี้ยงง่าย กินอาหารไม่เปลือง สร้างรายได้งามกิโลกรัมละ 100-110 บาท มีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงกระชังส่งประเทศเพื่อนบ้าน สร้างรายได้งาม ในช่วงวัยเกษียณ
นางจับปิง สีสดเขียว อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 4 ตำบลมะต้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ครอบครัวตนเองยึดอาชีพเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำน่าน มานานกว่า 20 ปี ปกติที่ผ่านมาก็เลี้ยงปลาทั่วไป เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลาตะเพียน แต่ต่อมาปลานิล ปลาทับทิม นั้นล้นตลาด เพราะมีคนเลี้ยงเยอะ ทำให้ราคาตก ประกอบกับเลี้ยงค่อนข้างยาก ปลาทับทิม ปลานิล ค่อนข้างเปราะบาง น๊อคน้ำบ้าง ตายง่าย สภาพน้ำเปลี่ยนก็จะตาย กินอาหารเปลืองมาก ทำให้กำไรในการเลี้ยงยังไม่ค่อยพอใจเท่าที่ควร
ตนจึงคิดว่าจะเลี้ยงปลาอะไรดี ที่คนนิยมรับประทานและราคาดี จึงมาลงตัวที่ปลาสังกะวาด หรือปลาสังฆะวาด หรือที่คนภาคอีสานรู้จักกันในชื่อ ปลายอน เป็นปลาที่ไม่มีเกล็ด ชอบอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม ว่ายน้ำได้รวดเร็ว สามารถกินได้ทั้งซากพืชและซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย ปกติแล้วปลาประเภทนี้ก็มีอยู่ทั่วไปในแม่น้ำน่าน ซึ่งเริ่มเลี้ยงมาได้ประมาณ 1 ปี เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ เลี้ยงง่าย มีแหล่งขาย และราคาสูง
นางจับปิง บอกต่อว่า เมื่อปลาสังกะวาดเริ่มเป็นที่ต้องการของทุกคนที่เลี้ยงปลาในแถบนี้มากขึ้น ลูกปลาก็เริ่มมีจำนวนที่น้อยลง จึงต้องติดต่อหาซื้อลูกปลาสังกะวาดจากพ่อค้าคนกลาง ราคาตัวละ 0.80 บาท โดยเลี้ยงเพื่ออัพไซส์ให้ตัวโตขึ้น ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8-9 เดือนก็สามารถจับขายได้ ในราคาส่งกิโลละ 100-110 บาท โดยมีพ่อค่าคนกลางมารับซื้อถึงกระชังของตนเพื่อส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยรับซื้อแบบราคาเหมารวมและไม่จำกัดจำนวน เรียกได้ว่ารับซื้อไม่อั้นมีเท่าไหร่ซื้อหมด ซึ่งได้กำไรเป็นที่น่าพอใจมาก
นางจับปิง บอกต่ออีกว่า การเลี้ยงปลาสังกะวาด เลี้ยงง่าย อัตราการตายน้อยมาก กินอาหารสำเร็จรูปน้อยเพราะลำไส้มีขนาดเล็ก การเลี้ยงจึงใช้เวลานานพอสมควร อาหารที่ให้ลูกปลาสังกะวาดกินในระยะแรก จะเป็นอาหารเม็ดเล็กที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีน ประมาณ 40 ให้กินประมาณ 1-2 เดือน เมื่อเห็นว่าปลาเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จึงเปลี่ยนเป็นอาหารที่มีขนาดเม็ดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และจำนวนของเปอร์เซ็นต์โปรตีนลดลง ให้อยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการลดต้นทุน ซึ่งอาหารจะให้กิน วันละ 2 มื้อ คือช่วงเช้าและเย็น
ส่วนเรื่องโรคของปลาสังกะวาด ก็ยังไม่เจออาการของโรคที่ทำให้ปลาตายในจำนวนที่มากๆ แต่เรื่องการตายของปลาที่อ่อนแอพอมีอยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่ช่วงที่มีน้ำไหลมามากในฤดูฝน ก็จะปรับการให้อาหารน้อยลง เพราะปลาจะไม่ค่อยกินอาหารเหมือนช่วงฤดูอื่น พอปลาอายุได้ประมาณ 7 เดือน เราก็จะเตรียมขาย ขนาดไซค์ก็ประมาณ 15-20 ตัวโล ซึ่งเวลาที่พ่อค้าคนกลางมาซื้อก็เอาหมดยกกระชังเลย ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ดีมากเลยทีเดียว และเป็นปลาที่นิยมมากทางภาคอีสาน และประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว พม่า เวียดนาม
นางจับปิง ยังได้บอกถึงข้อคิดในเรื่องของการเลี้ยงปลาว่า ควรเลือกเลี้ยงปลาอะไรก็ได้ที่คิดว่ามีอายุการเลี้ยงที่สั้น และสามารถทำเงินให้กับผู้เลี้ยงได้เร็ว โดยที่ไม่กินเงินทุนของผู้เลี้ยงเป็นระยะที่นานเกินไป และนอกจากนี้ยังได้กล่าวแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเลี้ยงปลาเป็นอาชีพว่า คนที่จะเลี้ยงปลาให้ประสบผลสำเร็จนั้น เรื่องการจดบันทึกถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะทำให้รับรู้ถึงเรื่องต้นทุนและกำไรได้อย่างแม่นยำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี