หากใครเดินทางไปท่องเที่ยวทำบุญในจังหวัดชัยนาทช่วงนี้จะต้องรูปจัก "วัดทรงเสวย" ซึ่งในอดีตวัดนี้แทบจะไม่มีใครรู้จัก แต่ปัจจุบันนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมากลายเป็นวัดที่มีความโดดเด่นอีกวัดหนึ่งในจังหวัดชัยนาท ประกอบกับได้รับกระแสที่โด่งดังสร้างปรากฏการณ์ฟีเวอร์อย่าง "ไอ้ส้มฉุน" มาเป็นตัวกระตุ้นให้กับนักแสวงบุญและนักแสวงโชคด้วยแล้ว ยิ่งทำให้วัด "ทรงเสวย" ได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับจนเรียกได้ว่า ณ ปัจจุบันวันนี้ถ้าพูดถึงเรื่องการท่องเที่ยวในเชิงแสวงบุญแสวงโชคในจังหวัดชัยนาทแล้วต้องให้ "วัดทรงเสวย" มาเป็นอันดับ 1 ของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะทุกวันหยุดประชาชน และนักท่องเที่ยวจะมาเป็นกันเป็นจำนวนมาก
ผู้คนที่เดินทางมาเที่ยววัดทรงเสวย นอกจากจะมาเที่ยวทำบุญและศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวัดแล้ว แน่นอนทุกคนส่วนใหญ่จะต้องเข้าไปกราบขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในวัดนี้ อาทิ หลวงพ่อคล้อย และหลวงพ่อย้อย อดีตเจ้าอาวาสวัด และที่ขาดไม่ได้เลยตอนนี้ก็คือ "ไอ้ส้มฉุน" เด็กหัวจุกที่ชาวบ้านในพื้นที่รอบๆ วัดต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีว่า "ไอ้ส้มฉุน" เป็นใคร มีตัวตนจริงหรือไม่ และมีความศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนหากใครได้ไปเที่ยวแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะต้องลองศึกษาประวัติความเป็นมาของ "ไอ้ส้มฉุน"
วันนี้ "ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์" จะพาท่านไปทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของ "วัดทรงเสวย" และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในในวัด เชื่อว่าหากใครได้อ่านแล้วจะต้องอยากไปกันอย่างแน่นอน
ก่อนอื่นเลย... วัดทรงเสวยแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ บ้านหนองแค เลขที่ 63 หมู่ 1. ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เดิมเป็นวัดร้าง มีชื่อเดิมว่า "วัดเกสร" สร้างขึ้นเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา จนมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 โดยพระอธิการคล้อย หรือหลวงปู่คล้อย ได้ธุดงค์มาบูรณะวัดให้ดีขึ้น ภายหลังพระอธิการคล้อย ได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดราษฎร์เจริญธรรม"
จนมาถึงปี 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร. 5 เสด็จพระราชดำเนิน ตรวจลำน้ำ ทรงเห็นพระอธิการคล้อย ปลูกผักและวัดทรุดโทรม จึงพูดคุยและมีพระประสงค์ประทับแรมที่วัด พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ เสวยยอดหวายโป่ง ตาแป้น มรรคนายกวัดหนองแค ได้ให้ชาวบ้านไปหายอดหวายโปงมาเผาไฟ หยวกกล้วยต้ม น้ำพริกปลามัจฉะมาถวาย พระองค์ทรงเสวยอย่างเจริญพระกระยาหาร และตรัสกับชาวบ้านว่า ต่อไปนี้ให้เรียกวัดนี้ว่า "วัดเสวย" แต่ชาวบ้านได้ขอพระราชทานขอเติมคำว่า "ทรง" ไปด้วย พระองค์ทรงพระอนุญาต ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า "วัดทรงเสวย" จนทุกวันนี้
โดยก่อนจะมาเป็นวัดทรงเสวยที่พัฒนามาและได้รับเป็นวัดท่องเที่ยวระดับต้นๆ ของจังหวัดชัยนาทจนถึงปัจจุบันนี้ภายในไม่กี่ปี "พระครูประกาศสรวุฒิ" เจ้าอาวาสวัดทรงเสวยองค์ปัจจุบัน เล่าว่า เดิมวัดขาดการทํานุบํารุงสถานที่ต่างๆ ภายในวัด ป่าไม้ต้นไม้ต่างๆ ขึ้นรกเต็มพื้นที่ไปหมด พระครูจึงได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของวัด และเริ่มบูรณะพัฒนาวัดมาจนถึงปัจจุบันนี้
ภายในวัดมีสถานที่ต่างๆ มากมาย เช่น ตลาดชุมชนบ้านหนองแค พลับพลาไชยวิรัตน์, วังมัจฉา, เรือนหมื่นสมาน, พิพิธภัณฑ์ รัชกาลที่ 5, เทพรวยทันใจ, อุโบสถ์วัดทรงเสวย, หลวงพ่อทองคำ, ศาลาไม้ 100 ปี
สถานที่แรกที่จะแนะนำ คือ “พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 5” ภายในมี "เรือพระราชทาน" ที่ท่านได้เสด็จและมอบไว้ให้กับทางวัยทรงเสวยได้เก็บรักษาไว้ เป็นเรือเทียบขบวน และที่สำคัญที่สุดคือ "ถ้วยชุดเสวย" ที่พระองค์ท่านได้ทรงเสวย เสด็จประพาสต้น ณ วัดทรงเสวย และหวีทองคำแท้ที่ทำจากงาช้างที่พระองค์ท่านทรงใช้ และบาตร ฝาบาตรมีตราสีทองรูปวงรี มีข้อความว่า ร.ศ.128 ที่ทรงมอบไว้ให้ในโอกาสงานพระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช ปิ่นโตขนาดใหญ่ที่ฝาปิ่นโต พระขรรค์ ตาลปัตรใบลาน ตะเกียงลานเรือสำปั้น ป้านน้ำชา 1 ชุดและสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย สิ่งของเหล่านี้ปัจจุบันทางวัดยังเก็บรักษาไว้อย่างดี
จุดที่สอง คือ “อุโบสถ์วัดทรงเสวย สถานที่ประดิษสถานพระพุทธสุวรรณมหาชัยมุนี” (หลวงพ่อทอง) ณ สถานที่ท่องเที่ยวตามรอยเสด็จประพาสต้น ร.5 โดยลักษณะตัวโบสถ์ยังคงอยู่ในสภาพเดิมเป็นไม้เดิมตั้งแต่ที่สร้างในสมัยอยุธยา แม้จะมีการบูรณะทาสีใหม่บ้าง แต่ยังคงสภาพความสวยงามได้เช่นเดิม ภายในยังมีหลวงพ่อทองคำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประธานในอุโบสถ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านเป็นอันมากปัจจุบัน หลวงพ่อทอง แห่งวัดทรงเสวยก็ยังคงเป็นที่เคารพสักการะของคนไทยและชาวต่างชาติตลอดมา
ถัดมาเป็น “ศาลาไม้ 100 ปี” โดยตัวศาลานั้น ร.5 ได้ทรงพระราชทานไม้จากพระเมรุในงานศพพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภ นั้นมาสร้างศาลาดังกล่าว เมื่อถึงงานบุญ ชาวบ้านก็จะใช้ ศาลาไม้ 100 ปี ในการทำงานบุญต่างๆ ด้านในศาลายังมีสมเด็จพรพุทธจารย์โตองค์ใหญ่ให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้บูชาและยังมีประติมากกรรมอื่นๆให้ได้ศึกษาหาความรู้มากมาย
และสถานที่สุดท้ายที่พลาดไม่ได้ คือ “ศาลาไม้” ซึ่งด้านบนจะเป็นสถานที่กราบ บูชา และขอพร 3 จุด โดยจุดแรก คือ พระพุทธรูปประจำศาลากุฏิหลวงปู่ย้อย เพื่อความเป็นสิริมงคล จุดที่สอง คือ อัฐิธาตุ และหุ้นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส หลวงปู่ย้อย อดีตเจ้าอาวาส รูปที่ 2 เทพเจ้าวาจาสิทธิ์ลูกศิษย์หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า เพื่อกราบขอพรให้ชีวิตมีแต่ความสุข สมหวัง หมดทุกข์หมดโศก หมดภัย และสุดท้าย คือ ไอ้ส้มฉุน ศิษย์วัดทรงเสวย ที่คอยดูแล ปกป้อง ชาวบ้านจึงนิยมมาขอพรให้ชีวิตมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาให้มีเงินมีทอง รุ่งเรืองร่ำรวย
ขณะที่ “นายสมควร อ่อนสิงห์” หรือ “ผู้ใหญ่โจ๊ะ” อายุ 41 ปีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.หนองน้อย อ.สิงห์ เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังอีกว่า ภายในบริเวณวัดยังมี “ตลาดชุมชนบ้านหนองแค” ซึ่งส่วนใหญ่ร้านค้าจะเป็นตลาดสินค้าโอทอปจากชาวบ้าน สินค้ามากมาย โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นไฮไลท์ คือ “น้ำพริกมัจฉะ” ที่เป็นตำนานและเรื่องเล่าสืบทอดกันมายังรุ่นสู่รุ่น
ทั้งนี้ วัดทรงเสวยไม่ได้มีแค่ "ไอ้ส้มฉุน" อย่างเดียว ยังมีอย่างอื่นที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่พร้อมให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา สิ่งที่เรานำเสนอมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวัดทรงเสวยเท่านั้น หากอยากรู้ว่าวัดทรงเสวยมีอะไรอีกบ้าง โปรดติดตามตอนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี