ตอนที่แล้ว... “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” เราได้พาไปรู้จัก “วัดทรงเสวย” ซึ่งภายในวัดมี่สถานที่สำคัญภายในวัดมากมาย จนเราได้เห็นแล้วว่าวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะสืบทอดต่อๆ กัน โดยจากเดิมเป็นวัดร้าง สมัยอยุธยา ก่อตั้งขึ้นโดยพระอธิการคล้อย เจ้าอาวาสรูปที่ 1 โดย “หลวงพ่อคล้อย” เป็นผู้บุกเบิกวัดทรงเสวยขึ้นมา แต่ด้วยการที่หลวงปู่คล้อยมีความสามารถด้านศิลปะ ทางด้านศิลป์ เป็นพิเศษ ประจวบเหมาะกับ “หลวงพ่อศุข” (อดีตเจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่า) ที่มีอิทธิฤทธิ์ด้านการปลุกเสกของขลัง เวลาจะทำปลุกเสกเหรียญหลวงปู่ศุขก็จะมาที่วัดทรงเสวยด้วยตนเอง จนทำให้หลวงปู่คล้อยและหลวงปู่ศุขมีลูกศิษย์มากมาย และได้บูรณะวัดจนมาถึงปัจจุบันนี้ จากวัดร้างให้เป็นวัดใหม่ กลายเป็นวัดทรงเสวยแห่งนี้ขึ้นมา อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องที่นี่ : สายบุญต้องแวะ! กราบ‘หลวงปู่ย้อย’ค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ ร.5 เสด็จเทียบเรือหน้า‘วัดทรงเสวย’ (คลิป)
เมื่อหลวงปู่คล้อยได้เป็นเจ้าอาวาสวัดทรงเสวยในยุคนั้นจึงมีศิษย์เอก อยู่หนึ่งคน คือ “หลวงปู่ย้อย วิจารโณ” เจ้าอาวาสวัดทรงเสวย รูปที่ 2 โดยชาวบ้านให้ฉายาว่า “เทพเจ้าวาจาสิทธิ์ แห่งแม่น้ำท่าจีน เจ้าตำรับ ตำราแมงมุมขยุ้มทรัพย์” ซึ่งเป็นพระที่มีวิชาอาคมอย่างมากมายเป็นที่รู้จักและเป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้าน ต.หนองน้อย เป็นอย่างดีในขณะนั้น อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องที่นี่ : เปิดตำนาน120ปี! ‘ไอ้ส้มฉุน’เด็กวัดทรงเสวย มีตัวตนจริงเกิดปีเดียวกับ ‘หลวงปู่ย้อย’ (คลิป)
วันนี้ “ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” จะพาเปิดประวัติ “พระครูวิชัยสาธุกิจ” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อย้อย” เดิมชื่อว่า “ย้อย แสงขำ” เป็นบุตรของนายฉาย แสงขำ และนางจันทร์ แสงขำ เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2444 ตรงกับวันพุธ แรม 4 ค่ำ เดือน 7 ที่บ้านหนองแค หมู่ 1 ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 8 คน หลวงพ่อย้อย เติบโตมาในชุมชนข้างวัด หลวงปู่ย้อยก็ได้เล่าเรียนเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุขตั้งแต่วัยเด็กเมื่ออายุครบ20ปี ก็ได้ทำการได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
หลวงพ่อย้อย วิจารโณ เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ได้อยู่จำพรรษา ณ วัดทรงเสวย ต.หนองน้อย อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท โดยไม่เคยไปจำพรรษาที่วัดอื่นใดทั้งสิ้น หลังจากหลวงพ่อคล้อยเจ้าอาวาสองค์แรกนั้นได้มรณภาพลง หลวงพ่อย้อยจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดทรงเสวย รูปที่2 ของวัดทรงเสวย หลวงพ่อย้อยนั้นเก่งหลากหลายด้าน โดนเฉพาะเรื่องวิชาอาคม อาทิเช่น "วิชาแมงมุมขยุ้มทรัพย์" หลวงพ่อย้อยทรงทำและปลุกเสกให้ลูกศิษย์ ได้นำไปใช้ประกอบกิจการค้าขาย ลูกค้าเข้ามากมายค้าขายดี กิจการเติบโตก้าวหน้าเจริญขึ้น มีโชคมีลาภ ได้เงินได้ทอง
โดยวันนี้ทีมข่าวฯ ได้พูดคุยกับ “นายสมควร อ่อนสิงห์” หรือ “ผู้ใหญ่โจ๊ะ” อายุ 41 ปีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.หนองน้อย อ.สิงห์ เกี่ยวกับประวัติของหลวงปู่ย้อย และผู้ใหญ่โจ๊ะได้เล่าให้ฟังว่า วิชาที่เป็นตำนานอีกหนึ่งของหลวงพ่อย้อย คือ “คันธนูคต” เป็นอีกวิชาที่ศักดิ์สิทธิ์ เล่าสืบต่อกันมาว่า หากหลวงปู่ย้อยนั้นยิงกระสุนที่ปล่อยจากคันธนูออกไป หากไปแอบหรือหลบซ่อนที่ใด เมื่อกระสุนปล่อยออกไปแล้ว กระสุนก็จะวิ่งผ่านกำบังไปโดนตัวท่านทันที และวิชา “วาจาสิทธิ์” ของหวงปู่ย้อย หากท่านได้เอ่ยปากว่า ก็จะมีอันเป็นไป หากหลวงพ่อเอ่ยปากว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมก็จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาจริงๆ
ผู้ใหญ่โจ๊ะ เล่าต่ออีกว่า หลังจากหลวงพ่อย้อยได้มรณภาพลง เมื่อ 2523 ลูกศิษย์จึงได้ตกลงกันว่าจะไม่เก็บศพหลวงปู่ย้อยไว้ จึงได้จัดงานฌาปนกิจหลวงปู่ย้อยภายในปีนั้น แต่ ขณะทำการฌาปนกิจ เกิดอภินิหาร ร่างของหลวงพ่อย้อยไม่ไหม้ ในขณะที่พยายามเผาแล้วก็ไม่สามารถทำให้ร่างหลวงพ่อย้อยไหม้สลายได้ ทางด้านลูกศิษย์จึงเกิดความคิดอยากได้ ร่างของหลวงพ่อย้อย มาครอบครองเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เลยเกิดการแย่งชิง บางคนแย่งทั้งเนื้อ กระดูก อัฐิ ผ้าจีวร ณ ปัจจุบันนี้ลูกศิษย์บางกลุ่ม ยังมี กระดูก เนื้อ อัฐิ ของหลวงพ่อย้อยไว้ครอบครอง
“แต่ช่วงระยะเวลาในการฌาปนกิจ หลวงปู่ย้อยครั้งนั้น มีลูกศิษย์บางกลุ่ม นำเนื้อหลวงพ่อย้อยมากิน ซึ่งคิดว่าการกินเนื้อของหลวงปู่ย้อยนั้น จะทำให้มีอภินิหาร กินแล้วจะทำให้ร่างกายแข็งแรงปลอดโรคภัย มีโชคมีลาภ” ผู้ใหญ่โจ๊ะ กล่าว
และยังให้เหตุผลอีกว่า หลังจากคราวนั้น การฌาปนกิจ หลวงพ่อย้อยได้จบลง ทุกคนที่ไปขอพรและแก้บน ก็จะประสบความสำเร็จ สมดั่งคำปรารถนา และหากเวลามีเรื่องทุกข์ใจมีปัญหาใดก็จะไปขอให้หลวงปู่ย้อยช่วย เช่น ทำของหายหาของไม่เจอ แต่เมื่อได้มาบนกับหลวงพ่อย้อย พอกลับไปของที่หายก็เจอ หลวงพ่อย้อยนับเป็นศิษย์เอกทางสายตรงของหลวงพ่อศุขและหลวงปู่คล้อย นี่จึงเป็นตำนานเรื่องเล่าสืบต่อกันมา “หลวงพ่อย้อย เทพเจ้าวาจาสิทธิ์ แห่งแม่น้ำท่าจีน เจ้าตำราแมงมุมขยุ้มทรัพย์” ผู้มีวิชาคาถาอาคมที่ศักดิ์สิทธิ์ ศัตรูต่างเกรงกลัว
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าที่จากชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่าที่วัดทรงเสวยยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกหนึ่งเรื่อง คือ เรื่องราวของเด็กวัดชื่อ “ไอ้ส้มฉุน” ซึ่งเกิดปีเดียวกับหลวงปู่ย้อย แต่ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นกับ “ไอ้ส้มฉุน” ชาวบ้านนับถือและมาขอโชคลาภกันถ้วนหน้า ซึ่งถ้าอยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของ “ไอ้ส้มฉุน” นั้นโปรดติดตามชมตอนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี