30 พ.ย. 63 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านคูบ ต.คูบ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ บรรดาบุตรหลาน ศิษยานิศิษย์ได้นำสรีระสังขารของหลวงปู่ทอง ปภากโร อายุ 114 ปี 11 เดือน มาตั้งเตรียมการบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศกของบรรดาบุตรหลาน ศิษยานุศิษย์

หลวงปู่ทอง ปภากโร ท่านเกิดที่ บ้านคูบ เมื่อปี 2449 แต่งงานกับนางดี สิงห์ซอม เสียชีวิตแล้ว มีลูกด้วยกัน 4 คน เป็นชาย 2 คนหญิง 2 คน ลูกเสียชีวิตแล้ว 2 คน หลวงปู่ทองได้บวชครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2512  ครั้งนั้นท่านยังห่วงบุตรหลาน จึงได้ลาสิกขาออกมา และได้บวชอีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบันนี้ ได้ 21 พรรษา หลวงปู่ทอง เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน

นางลี ศิริบุตร อายุ 65 ปี ลูกสาวคนเล็กของหลวงปู่ทอง เล่าว่า หลวงปู่อายุได้ 114 ปี 11 เดือน หลวงปู่สุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล ความจำก็ดี ลูกศิษย์ลูกหามากราบไหว้ หลวงปู่ยังให้ศิลให้พรได้ฉันข้าวได้ปกติ เช้าวันนี้ หลวงปู่ก็ยังฉันเช้าอยู่ พอหลวงปู่ฉันเสร็จก็นอนพักผ่อน และได้พูดกับตนว่าหลวงปู่จะตายแล้วนะ ลูกต้องทำใจนะอย่าเสียใจดูแลลูกหลานให้ดี ซึ่งตนก็พูดว่าหลวงปู่อย่าพูดอย่างนั้นสิ ขอให้อยู่กับลูกหลานไปนานๆ หลวงปู่ก็พูดว่าถึงเวลาแล้ว จากนั้นหลวงปู่ก็เงียบไปตนเรียกหลวงปู่ก็ไม่รู้สึกตัวอีก และหยุดหายใจ มรภาพไปเมื่อเวลา 09.40 น.ของวันนี้

ด้านนาง สุจิตรา อาษากิจ กำนันตำบลคูบ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาจำความได้ก็เห็นว่าหลวงปู่ได้บวชแล้ว หลวงปู่อยู่ในศีลในธรรม ไม่เคยมีเรื่องมีปัญหากับใคร เป็นผู้ที่มีเมตตาจิตใจดี หลวงปู่อยู่เป็นพระลูกวัดธรรมดา ไม่ต้องการมีตำแหน่งอะไร ไม่เป็นเจ้าอาวาส ไม่คิดไม่ไฝ่ฝันที่จะเป็นใหญ่เป็นโตอะไร ท่านทำแต่ความดีมาตลอดเป็นที่น่าเคารพนับถือ ศรัทธาของบรรดาลูกหลานศิษยานิศิษย์ ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่เคารพของพุทธศาสนิกชนไปทั่วก็เพราะท่านเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวไม่ได้เป็นพระเกจิชื่อดังในด้านอะไร

พระครูวรกิจคุณากร เจ้าอาวาสวัดบ้านคูบ กล่าวว่า หลวงปู่ทองได้สร้างเจดีย์ไว้บรรจุสรีระสังขารของท่านไว้แล้ว มีความสูงจากฐานถึงยอดฉัตร 18 เมตร สร้างเพิ่งเสร็จไปเมื่อ หลวงปู่ทอง เป็นผู้ที่มีนิสัยใจคอสุขุม เรียบร้อย พูดน้อย มีเมตตา หลวงปู่ได้พูดไว้ก่อนหน้าที่เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ว่า หลวงปู่จะไปสิ้นเดือนนี้ วันสิ้นเดือนเป็นวันพระใหญ่ มาถึงวันนี้หลวงปู่ก็ไปจริงๆ เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดมากที่หลวงปู่ท่านรู้วันมรณภาพของท่าน

ภาพจาก : THIRA