ฮือฮา! วัดดังอนุรักษ์เผาศพแบบกองฟอนโบราณไว้ให้ญาติโยม ลูกหลานที่มาร่วมงานได้ดูว่า การเผาศพในสมัยโบราณนั้นมีความเป็นมาอย่างไร พร้อมกับเจ้าภาพได้นำลูกฟังทอง และพระมามอบให้กับแขกที่มาร่วมงานต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าไม่เคยเห็นการเผาศพแบบนี้และของชำร่วยแบบนี้แปลกดี
19 มี.ค.64 ที่วัดเขาถ้ำประทุน หมู่12 ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นวัดดังในจังหวัดอุทัยธานี โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวพระอุโบสถรากไม้ตะเคียน ต้นตะเคียนยักษ์ ไอ้ไข่ไม้ตะเคียนที่ชาวบ้านเขามาหวยแล้วถูกกันปัง ๆ มาหลายงวด ได้ทำการอนุรักษ์เผาศพแบบกองฟอน โบราณสมันเก่ามานานหลายพันปี ของคุณแม่ทองคำ ขวัญนาค อายุ 85 ปี เสียชีวิตด้วยโรคชรา ซึ่งเป็นแม่ของ ดร.แม่ชีแก้วเพชร มณีมหาปัญโญ แห่งวัดเขาถ้ำประทุน และได้ตั้งศพไว้ที่วัด 7 วัน หลังจากนั้นได้มาทำการณาปนกิจ หลังวัดเขาถ้ำประทุน แบบกองฟอนสมัยเก่าโบราณ ที่สมัยเก่านั้นยังไม่มีเมรุ ในการเผาอย่างเช่นปัจจุบัน
โดยใช้เหล็กเป็นโครงหลังคาหลัง และได้ตบแต่งด้วยผ้า และ อื่น ๆไปติดยอดโดมดูให้สวยงาม หลังจากนั้นใช้ไม้ท่อนขนาดยาว 60.ซ,ม. เรียงกันเป็นชั้นๆขึ้นไป สูงได้ประมาณ 1 เมตร และล้อมรอบด้วยผ้าขาว ให้ดูดี หลังจากได้นำโรงศพของผู้ตายมาตั้งไว้บนกองฟื้น และประกอบพิธีอัญเชิญแขกที่มาร่วมงานขึ้นทอดผ้า พอเสร็จพิธี ได้มีการลือผ้าออกทั้งหมด ให้เหลือไว้แต่โครงเหล็ก หลังจากนั้นได้มีสัปเหร่อ พระ และชาวบ้าน ได้ช่วยกันนำไม้ท่อนแห้งยาว 1 เมตรมาตั้งเรียงเป็นแถวทับโรงศพไว้ และได้มีการราดน้ำมันไปยังกองฟื้น และได้มีพระมาทำการจุดไฟที่กองฟื้น เพื่อให้ลุกล่ามไปทั่ว
โดยมีผู้มาร่วมงาน และ ญาติของผู้เสียชีวิตให้ความสนใจต่างยืนดูกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกคนก็บอกว่าๆไม่เคยเห็นแบบนี้ซึ่งเป็นสมัยเก่า ถึงที่มาของคำว่ากองฟอน ว่าการเผาศพในสมัยโบรณนั้นมีความเป็นมาอย่างไร
พระอธิการบุญยืน ปริชาโน เจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำประทุน กล่าวว่า สืบเนื่องจากวัดเขาถ้ำประทุนนั้น เป็นวัดป่า และไม่มีเมรุ เหมือนวัดที่อื่น ๆ จึงต้องเผาแบบกองฟอน โดยก่อนเผาแบบกองฟอนนั้นมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่การเผาแบบกองฟอนที่ประเทศอินเดียนั้นยังมีการเผาอยู่ แต่เมืองไทยเรานั้นไม่ค่อยมีแล้ว และหาดูยาก ซึ่งขั้นตอนนั้นไม่ยุ่งยากเตรียมไม้ท่อนมาเรียงให้เรียบ แล้วเอาโรงศพตั้งข้างบน แล้วใช่ไม้ท่อนนั้นล้อมแบบคอกหมู ซึ่งตอนทำพิธีครั้งแรก เอาผ้ามาล้อมให้ดูดีหน่อย หลังจากเสร็จพิธีก็เอาผ้าม่านออก โดยการเผาแบบกองฟอนนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็สามารถเก็บกระดูกคนตายได้ ซึ่งทางวัดยังอนุรักษ์เผาแบบกองฟอนไว้ให้ญาติโยม และให้ญาติโยม และแม่ชีทีมาปฏิบัติธรรมลูกหลานได้เรียนได้ศึกษา ที่มาของการเผากองฟอนต่อไป
ในระหว่างที่แขกจำนวนมากได้ขึ้นไปวางดอกไม้จัน ที่หน้าหีบศพของคุณแม่ทองคำ ขวัญนาค แล้วทาง ดร.แม่ชีแก้วเพชร มณีมหาปัญโญ ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ตายและได้เป็นเจ้าภาพ พร้อมญาติ ได้นำของชำร่วย เป็นพระ และลูกฟักทอง มามอบให้กับแขกที่มาร่วมงานจำนวนมาก ต่างคนต่างฮือฮา และตอบด้วยรอยยิ้มว่าไปงานไหนไม่เจอของชำรวยเป็นลูกฟักทองแบบนี้แปลกดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี