เรื่องเล่าชาวบ้าน...ตำนานพระสังกัจจายน์-ตะกรุดปลากระป๋องห้อยคอสุนัขพระมหาศิลาสิริจันโท วัดสันติวิหาร ตำบลธงธานี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด
พระครูปริยัติวรศาสน์(พระมหาชำนิ)ท่านเจ้าอาวาสวัดสันติวิหารต.ธงธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เล่าว่า ช่วงราวปี พ.ศ.2525 พระมหาศิลาสิริจันโท(หรือหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโท หรือพระครูปลัดวชิรโสภณญาณ)ท่านจำพรรษาที่วัดสันติวิหาร ต.ธงธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ทำหน้าที่เป็นครูสอนหนังสือพระเณรในวัดและติดตามหลวงพ่อสมาน ธัมมรักขิโตท่านเจ้าอาวาสวัดสันติวิหารฯในขณะนั้นซึ่งถือว่าเป็นเกจิอาจารย์ดังของทางภาคอีสานอีกท่านหนึ่งในสมัยนั้นโดยทั้ง2ท่านได้ร่วมกัน พัฒนาศาสนสถานวัดจนเจริญรุ่งเรืองมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
ด้วยหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโทท่านเป็นพระที่ไผ่ศึกษาเรียนรู้อย่างรอบด้านท่านได้ร่ำเรียนวิปัสนาและเรียนอักษรธรรมลาว และอ่านหนังสือจากใบลานอีสานได้อย่างแตกฉาน และได้ศึกษาคัมภีร์ใบลานสายสมเด็จลุนจาก สปป. ลาว หลายฉบับ ศึกษาจนแตกฉานถึงขั้นสามารถเข้าใจถึงภาษาสัตว์ต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์บ่อยครั้งที่ท่านทำหน้าที่แปลภาษาสัตว์ร่วมกับหลวงพ่อสมานให้กับพระสงฆ์ สามเณรภายในวัดได้รับฟังในขณะที่ท่านทำการสอนหนังสือ อีกทั้งยังรับหน้าที่เป็นพระที่สวดปาฏิโมกข์ในการลงอุโบสถของคณะสงฆ์ตลอดมา
อนึ่งนอกจากหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโทจะมีความแตกฉานด้านพระปริยัติ ยามว่างจากวัตรปฏิบัติประจำ ท่านยังออกธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาในหลายจังหวัด และยังเคยเดินธุดงค์ข้ามแม่น้ำโขง ไปยังภูเขาควาย ประเทศ สปป.ลาว พบกับครูบาอาจารย์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังภาคอีสานหลายรูป อาทิ หลวงปู่ทองมา ถาวโร, หลวงพ่อมหาบุญมี สิรินธโร, หลวงปู่ลี กุสลธโร เป็นต้น
ทั้งนี้ในขณะที่หลวงปู่จำพรรษาที่วัดสันติวิหารฯท่านก็ได้ตั้งใจไผ่ปฎิบัติยึดหลักธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ตั้งเรื่อยมาอีกทั้งหลวงปู่ท่านในสมัยนั้นยังเป็นพระหนุ่มไฟแรงนอกจากข้อวัตรปฎบัติทางศาสนาที่ท่านเคร่งคัดในทางปฎิบัติแล้วท่านยังเป็นพระที่มีอารมย์ขันในสาระอีกด้วย หลวงปู่มีความเมตตากรุณาต่อญาติโยมและสัพสัตว์ทั้งหลาย กิจวัตรประจำวันของหลวงปู่หรือพระมหาศิลาสิริจันโทในสมัยนั้นที่ท่านชอบทำก็คือการแกะพิมพ์/บล๊อกพระเครื่องวัตถุมงคลด้วยมือของท่านโดยใช้หินอ่อนเป็นแม่พิมพ์/บล๊อก ทำ/สร้างพระเครื่องด้วยดินเหนียวหรือมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากธรรมชาติที่ท่านจะสามารถหามาได้หรือบางครั้งก็มีญาตโยมนำมาถวาย ท่านจะใช้เวลาว่างจากการปฎิบัติธรรมทำสิ่งนี้อยู่บ่อยครั้งจนสิ่งที่ท่านทำสำเร็จด้วยความเพียรพยายาม ส่วนพระเครื่องที่ท่านทำขึ้นมาท่านก็จะแจกจ่ายให้กับพระ เณร ญาติโยมที่มาคอยอุปัฏฐากวัดวาอารามอยู่เนืองๆ
พระมหาชำนิเล่าต่ออีกว่า อยู่มาวันหนึ่งหลวงพ่อสมาน ธัมมรักขิโตท่านเจ้าอาวาสวัดสันติวิหารฯในขณะนั้นท่านได้นิมิตเห็นพระมหากัจจายนะหรือพระสังกัจจายน์ ซึ่งเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระอสีติมหาสาวกของพระโคตมพุทธเจ้า มองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นองค์ท่านสีเขียวมรกตพร้อมทอดบันใดสีทองเหลืองอร่ามจากสรวงสวรรคลงมายังวัดสันติวิหารฯและพระองค์ท่านยังเปล่งวาจาออกมา3ครั้ง คำว่า กัจ จะ นะ กัจ จะ นะ กัจ จะ นะ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป*พระมหากัจจายนะองค์ใหญ่* ซึ่งหลังจากนิมิตได้ไม่นานหลวงพ่อสมานและหลวงปู่มหาศิลาพร้อมญาติธรรมชาวตำบลธงธานีและลูกศิษย์ลูกหาของท่านก็ได้ช่วยกันจัดสร้างพระมหากัจจายนะซึ่งถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปองค์แรกของวัดสันติวิหารฯและทางวัดสันติวิหารฯก็ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่เรื่อยมาตราบเท่าปัจจุบัน
ต่อมาหลวงปู่มหาศิลาฯด้วยท่านเป็นพระที่มีความชอบในการแกะพิมพ์/บล๊อกพระเครื่องจากหินอ่อน การปั้นพระตามจินตนาการของท่าน และทำพระสร้างพระด้วยมือของท่านเองตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นท่านได้นำดินเหนียว มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากธรรมชาติมาปั้นเป็นรูปพระสังกัจจายน์ตามนิมิตของหลวงพ่อสามานและตามจินตนาการของท่าน และหลวงปู่มหาศิลาฯท่านก็ได้มอบพระสังกัจจายน์ที่ท่านทำขึ้นมาด้วยมือของท่านให้กับสามเณรชำนิหรือพระครูปริยัติวรศาสน์(พระมหาชำนิ)ท่านเจ้าอาวาสวัดสันติวิหารฯองค์ปัจจุบันให้เป็นคนเก็บรักษาไว้
นอกจากพระสังกัจจายน์ที่หลวงปู่ท่านได้สร้างตำนานไว้ที่วัดสันติวิหารฯแล้ววัตถุมงคลเครื่องรางที่สร้างชื่อเสียงให้กับหลวงปู่ที่วัดสันติวิหารฯแห่งนี้ทำให้ชื่อเสียงของหลวงปู่เป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกพื้นที่ อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง นั่นก็คือตะกรุดปลากระป๋องหรือตะกรุดห้อยคอสุนัขพระมหาศิลาสิริจันโท วัดสันติวิหารฯ ตำนานบทนี้มีอยู่ว่าขณะที่ พระมหาศิลาสิริจันโทหรือหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโทหรือพระครูปลัดวชิรโสภณญาณ(ศิลา สิริจันโท)อยู่จำพรรษาที่วัดสันติวิหาร ต.ธงธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อครั้งที่หลวงพ่อสมานธัมรักขิโตเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น มีเรื่องราวเล่าขานสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
เรื่องมีอยู่ว่าสุนัขที่หลวงพ่อเลี้ยงไว้ที่วัด(หมาวัด)ชื่อหมาไอ้แบนซน/ดื้อมักจะออกไปนอกวัดไปไล่กัดเป็ดกัดไก่ชาวบ้านแล้วโดนชาวบ้านทำร้ายด้วยการใช้หนังสติ๊กบ้างปืนแก๊ปบ้างสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านระแวกนั้นเป็นประจำ พระมหาศิลาฯในสมัยนั้นจึงรู้สึกสงสาร เมตตาหมาไอ้แบนกลัวจะถูกทำร้ายถึงชีวิตจึงนำกระป๋องปลา(ปลากระป๋อง)ที่พอหาได้และมีอยู่ในวัดขณะนั้นมาตัดและตีให้แบนเป็นแผ่นและลงอักขระยันต์พร้อมเษกคาถา(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)ที่ร่ำเรียนวิชามาจากครูบาอาจารย์ลงไปในแผ่นโลหะ(ปลากระป๋อง)ดังกล่าวแล้วนำไปห้อยไว้ที่คอสุนัขหมาไอ้แบนวันต่อมาหมาไอ้แบบ ก็ได้วิ่งออกไปนอกวัดและดื้อ/ซนเหมือนเดิมไปกัดเป็ดกัดไก่ชาวบ้านอีก ซึ่งในขณะนั้นชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าหมาไอ้แบนตัวดังกล่าวเป็นสุนัขที่ทางวัดสันติวิหารฯโดยพระมหาศิลาฯเลี้ยงไว้จึงได้ใช้ปืนแก๊ปประจำกายซึ่งสมัยนั้นมีอยู่แทบทุกบ้านยิงหมาไอ้แบนสุนัขวัดแต่จะด้วยความบังเอิรน์หรือไม่อย่างไรปืนที่ชาวบ้านใช้ยิงสุนัขวัดตัวนั้น(หมาไอ้แบน)บางครั้งก็ยิงไม่ออกหรือยิงออกก็ไม่โดน หรือโดนก็ไม่เข้า (แค่ถากๆ)
ชาวบ้านที่เป็นคนยิงเจ้าแบน(สุนัขวัด)เล่าให้ฟังต่ออีกว่าพอยิงโดนเต็มๆกระสุนปืนแก๊ปก็แค่ถากๆเป็นรอยไหม้ไม่สามารถเจาะเข้าเนื้อหรือทำอันตรายหมาไอ้แบนได้แต่อย่างใดตนเองถึงกับงง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าการบรรจุกระสุนปืนแก๊ปในสมัยนั้นอาจจะใส่ส่วนผสมดินปืนน้อยไปหรือเปล่าก็เป็นได้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ถูกหมาไอ้แบนสุนัขของวัดไล่กัดประจำเล่าต่ออีกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่พอตนทราบข่าวว่าสุนัข(หมาไอ้แบน)เป็นสุนัขของวัดสันติวิหารฯและพระมหาศิลาเป็นผู้อุปการะเลี้ยงไว้และสิ่งที่ห้อยคอหมาไอ้แบนอยู่นั้นเป็นตะกรุดปลากระป๋องของพระมหาศิลาสิริจันโท ก็ตกใจทำอะไรไมถูกพอตั้งหลักได้จึงนำขัน5มาทำการขอขมาพระมหาศิลาฯพร้อมกับพูดกับพระมหาศิลาฯในสมัยนั้นว่า “ผู่ข่ายอมแล้ว “(ตนยอมแล้ว) ด้วยเหตุนี้จึงเป็นตำนานให้ผู้คนได้กล่าวขานถึง ตำนานตะกรุดห้อยคอสุนัข พระมหาศิลาสิริจันโท วัดสันติวิหารฯเรื่อยมา ตราบเท่าปัจจุบันนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ในพิธีวางศิลาฤกษ์เจดีย์บูรพาจารย์พระครูธวัชสันติคุณ(สมานธัมรักขิโต)พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ(ศิลาสิริจันโท)วัดสันติวิหาร ต.ธงธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด พระมหาศิลาสิริจันโทได้ลงอักขระยันต์ที่ท่านเคยลงไว้/เษกไว้ในแผ่นตะกรุดปลากระป๋องที่ห้อยคอสุนัข(เจ้าแบน)ในสมัยนั้น ลงแผ่นกระดาษขาวบริสุทธิมอบให้กับหลวงพ่อพระครูปริยัติวรศาสน์(พระมหาชำนิ)เจ้าอาวาสวัดสันติวิหารร้อยเอ็ดเพื่อนำไปจัดสร้างวัตถุมงคล/เครื่องรางเพื่อสงเคราะห์บรรดาลูกศิษย์และนำปัจจัยจากผู้ร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธาหรือแจก/ทานตามวาระที่เหมาะสม ปัจจัยที่ได้ให้นำมาเป็นทุนในการก่อสร้างเจดีย์บูรพาจารย์ตามเจตนาและความตั้งใจอันบริสุทธิของหลวงพ่อพระครูปริยัติวรศาสน์(พระมหาชำนิ)ท่านเจ้าอาวาสวัดสันติวิหารฯและชาวบ้านต่อไป นอกจากพระสังกัจจายน์-ตะกรุดปลากระป๋อง(ตะกรุดห้อยคอสุนัข) พระมหาศิลาสิริจันโท ที่ท่านสร้างไว้เป็นตำนานที่วัดสันติวิหารแห่งนี้แล้ววัตถุมงคลยุคต้นๆจำนวนมากที่ท่านสร้างในสมัยที่ท่านปฏิบัติธรรมจำพรรษาที่วัดสันติวิหารฯนั้นได้ถูกเก็บไว้รักษาไว้ในที่อันสมควรแล้ว
วัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นในวาระนี้จึงเป็นการสร้างตำนานพระสังกัจจายน์-ตะกรุดปลากระป๋อง(ตะกรุดห้อยคอสุนัข) พระมหาศิลาสิริจันโท วัดสันติวิหารต.ธงธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ดให้ลูกหลานได้จดจำสืบต่อไป
สำหรับมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการสร้างตำนานพระสังกัจจายน์ในครั้งนี้ได้มาจากหลากหลายสถานที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ถูกรวบรวมไว้โดยหลวงพ่อพระครูปริยัติวรศาสน์(พระมหาชำนิ)สมัยที่ท่านเป็นสามเณรอุปัฎฐากหลวงพ่อสมานและในสมัยที่หลวงปู่มหาศิลาสิริจันโท จำพรรษาอยู่ที่วัดสันติวิหารฯสามเณรชำนิยังแอบไปเรียนวิชากับหลวงปู่อยู่บ่อยครั้ง และในสมัยที่พระมหาชำนิท่านเป็นพระหนุ่มท่านยังเคยร่วมสร้างวัตถุมงคลร่วมกับหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโท เพื่อช่วยเหลือวัดที่ไฟไหม้กุฎิถูกหมดทั้งหลังอีกด้วย
อนึ่ง พระมหาชำนิท่านยังเคยเดินทางไปจาริกยังต่างประเทศตามลอยหลวงพ่อสมานผู้เป็นอาจารย์ เช่นประเทศ สหรัฐอเมริกา อินเดีย เนปาล จีน ลาว พม่า เป็นต้น จึงไม่แปลกใจทำไมมีมวลสารจากต่างประเทศหลายประเทศ
มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคลพระสังกัจจายน์พระมหาศิลาสิริจันโท วัดสันติวิหารฯขอยกตัวอย่างพอสังเขปดังต่อไปนี้ มวลสารจากต่างประเทศประกอบด้วย 1.ดินจากพุทธสังเวชนิยสถาน4ตำบล ประเทศอินเดีย เนปาล 2.น้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์บ่อสรงน้ำพระพุทธเจ้า วัดเชตวันมหาวิหาร ประเทศอินเดีย 3.ดินจากใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย 4.ดินจากกุฏิที่ประพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาวัดพระเชตวัน เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย เป็นต้น และมวลสารภายในประเทศประกอบด้วย 1.น้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ลูกประคำแก่นมะขามอันศักดิ์สิทธิ์108ที่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงอธิฐานจิต ปี2542 2.น้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ที่พระสงฆ์ไทยทั่วประเทศร่วมอธิฐาน 3.ดินอิฐโบราณจากพระธาตุนาดูน จังหวัดมหาสารคาม 4.ผงธูป ดอกไม้บูชาจากวัดระฆัง กรุงเทพมหานคร เป็นต้น พระทุกองค์จะฝังตะกรุดอักขระยันต์หลวงปู่และอุดกริ่งตามดำริของเจ้าของตำนานหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโท อีกด้วย
เรื่องเหนือธรรมชาติในวาระพิเศษพิธีกดพิมพ์นำฤกษ์ตำนานพระสังกัจจายน์-ตะกรุดห้อยคอสุนัข (ตะกรุดปลากระป๋อง) พระมหาศิลาสิริจันโท รุ่น1 วัดสันติวิหารร้อยเอ็ดและพุทธาภิเษก/อธิฐานจิตวัตถุมงคลเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564ที่ผ่านมาโดยหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโทเป็นเจ้าพิธีร่วมกับหลวงพ่อพระครูปริยัติวรศาสน์(พระมหาชำนิ)เจ้าอาวาสวัดสันติวิหารฯและคณาจารย์ผู้เรืองเวทย์หลายรูป
หลังเสร็จพิธีอธิฐานจิตพุทธาภิเษก หลวงปู่มหาศิลาฯท่านได้เดินพบปะพูดคุยกับศิษยานุศิษย์และผู้ที่มาร่วมงานก่อนที่จะขึ้นรถกลับวัดที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ท่านบอกกับลูกศิษย์ที่เดินมาส่งท่านที่รถว่า *ข่อยกลับก่อนเด้อเผิ่นสิมาแล้ว*(ปู่กลับก่อนนะจะมีคนมาแล้ว) พูดเสร็จหลวงปู่ก็เดินขึ้นรถ พอรถหลวงปู่เริ่มเคลื่อนออกไปยังไม่พ้นประตูวัดสันติวิหารฯได้เกิดปรากฎการไม่คาดคิดและเหนือธรรมชาติขึ้นต่อหน้าต่อตาศิษยานุศิษย์และผู้ที่มาร่วมงาน อยู่ๆเกิดฝนฟ้าคะนองฝนตกลงมาอย่างหนักโดยก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดฝนตกเลยแม้แต่นิดเดียว ในระหว่างที่ฟ้าฝนตกกระหน่ำอยู่นั้นได้เกิดฟ้าผ่าลงมาบริเวณจัดงานที่พึงแล้วเสร็จไปใหม่ๆหมาดๆผ่าติดๆกันถึง 4 ครั้งและแต่ละครั้งไม่ได้ผ่าเพียงจุดเดียวแต่ผ่าทั้ง 4 ทิศ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ และทิศใต้ ซึ่งเป็นเรื่องอัฒจันทร์อย่างยิ่งทำให้บรรดาลูกศิษย์และชาวบ้านที่มาร่วมงานต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พูดถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นไปต่างๆนาๆบ้างก็ว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในวัดสันติวิหารฯแห่งนี้ท่านคงมานิยมสมพรและยังสรุปได้วว่าที่หลวงปู่พูดไว้ว่ามีคนจะมา นั่นก็คือฟ้าฝนนั่นเอง
จากการที่หลวงปู่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีพุทธาคมจึงได้รับนิมนต์ไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกงานทั่วภาคอีสาน รวมทั้งงานใหญ่ระดับประเทศ อาทิ งานพุทธาภิเษกพระกริ่งวัดสุทัศน์ เป็นต้น
ด้วยความที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอกพื้นที่ อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพุทธมนต์เสริมสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย
สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคหลวงปู่จะ นำไปบริจาคพัฒนาให้กับวัดต่างๆเช่นวัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม วัดบึงพลานชัย,วัดสันติวิหาร,วิทยาลัยสงฆ์จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นต้น อีกทั้งหลวงปู่ท่านยังให้ความสำคัญทางด้านการศึกษาของชาติ ให้การอุปถัมภ์โรงเรียนในพื้นที่หลายแห่ง อาทิ ร.ร.บ้านธาตุประทับ จ.ร้อยเอ็ด, ร.ร.เหล่านาแกวิทยา และร.ร.แกเปะราชนิยม จ.กาฬสินธุ์ และยังบริจาคเงินช่วยเหลือโรงพยาบาลหลายแห่งเช่นโรงพยาบาลร้อยเอ็ด โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เป็นต้น
ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยม เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือมีความกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการี ไม่เบียดเบียนสรรพสัตว์ร่วมโลก และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักชีวิต เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ นับเป็นมงคลอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ได้สัมผัสใกล้ชิดและได้รับฟังคำสั่งสอน
ปัจจุบันพระมหาศิลาสิริจันโท หรือหลวงปู่มหาศิลาสิริจันโท หรือพระครูปลัดวชิรโสภณญาณ(ศิลา สิริจันโท)ท่านจำพรรษาอยู่ที่สวนสงฆ์แกแปะวัดโพธิ์ศรีสะอาด บ้านแกแปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ท่านมีอายุ 77 ปี (พ.ศ.2564)
การจัดสร้างวัตถุมงคลในวาระนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูปริยัติวรศาสน์(พระมหาชำนิ)เจ้าอาวาสวัดสันติวิหารฯองค์ปัจจุบันท่านได้มอบหมายให้ลูกศิษย์คุณธนกร จันทะโยธา(โยมจ่า)ช่างสร้างพระมือทองที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นคนดำเนินการจัดสร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยให้จัดสร้างตามตำนานของหลวงปู่มหาศิลาฯที่วัดสันติวิหารฯโดยมีจำนวนการจัดสร้างดังนี้ -สร้างพระสังกัจจายน์เท่าองค์ต้นแบบ จำนวน 345 องค์ -สร้างพระสังกัจจายน์พิมพ์เล็กจำนวน 3,456 องค์ และ-สร้างตะกรุดปลากระป๋อง(ห้อยคอสุนัข)จำนวน 1,101 ดอกและวัตถุมงคลในวาระนี้จะอยู่จำพรรษาที่วัดสันติวิหารฯมากกว่า3เดือน และจะมีพิธีพุทธาภิเษกถึง 9 วาระเพื่อเป็นสิริมงคลและเข้มขลังตามความเชื่อของศรัทธา ที่วัดสันติวิหาร ต.ธงธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ปัจจัยที่ได้จากการเช่า/บูชาวัตถุมงคลในวาระนี้จะนำไปเป็นทุนในการก่อสร้างเจดีย์บูรพาจารย์พระครูธวัชสันติคุณ(สมานธัมมรักขิโต)พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ(ศิลาสิริจันโท)วัดสันติวิหาร ต.ธงธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ดและบูรพาจารย์ทั่วโลกเพื่อให้ชาวบ้านสาธุชนทั้งหลายที่เคารพศรัทธาได้กราบไหว้สักการะบูชาเพื่อสืบสานรักษาและต่อยอดอายุของพุทธศาสนาสืบไป
สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส้รางบุญใหญ่ในครั้งนี้ ติดต่อคุณธนกร จันทะโยธา(ช่างจ่า) 089-576-3551 คุณโกสิทธิ์ วันโพนทอง(คุณหอย) 087-864-4400 จึงขออนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี