โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบชุมชนริมคลองฝั่งธนบุรี ด้วยเครือข่ายคลังสมองของพื้นที่และแผนผังภูมินิเวศเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน (โครงการ Green Thonburi) จัดเวทีเสวนา “รวมกัลยาณมิตร ชุบชีวิตคลองฝั่งธนบุรี” ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนถึงแนวทางการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ชุนชนริมฝั่งคลอง บนฐานทรัพยากรและศักยภาพของชุมชน ระหว่างตัวแทนชุมชนริมฝั่งคลอง
นักวิจัย และ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)
กัญจนีย์ พุทธิเมธี อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า การที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองด้วยระบบถนน ทำให้คูคลองที่เคยเป็นระบบคมนาคมสำคัญของคนฝั่งธนฯ ถูกมองข้าม ซึ่งระบบคูคลองคือหนึ่งในต้นทุนด้านทรัพยากร ที่ทำให้ชุมชนในพื้นที่บริเวณนี้มีอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่น่าสนใจ
แต่เมื่อระบบคมนาคมที่เข้ามา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการใช้คลองเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ทำให้คูคลองในฝั่งธนฯ จำนวนมากถูกปล่อยทิ้งให้ตื้นเขิน หรือกลายเป็นแหล่งรับน้ำเสียจากเมือง โดยเราพบว่าการทำระบบขนส่งทางน้ำ (Water Transportation) ต่อเชื่อมกับระบบถนนหรือระบบราง และเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเดินทางเข้าสู่เมือง เราจะสามารถทำให้พื้นที่ฝั่งธนฯ ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านกสิกรรม ธรรมชาติ และวิถีชีวิต เหล่านี้ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสีเขียว” (Green Economy) ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนในชุมชนได้จริง
เวทีนี้มีว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. 2 ท่านเข้าร่วม คือ รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กทม. และ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดย รสนา กล่าวว่า อยากให้มองคูคลองเป็นมากกว่าเส้นทางระบายน้ำ และต้องมีงบประมาณมาพัฒนาคูคลองอย่างจริงจัง โดยยกตัวอย่าง โครงการขุดอุโมงค์ระบายน้ำเขตภาษีเจริญ บางแค บางบอน บางขุนเทียนลงสู่แก้มลิงคลองมหาชัย ของ กทม. ที่ใช้งบประมาณถึง 6 พันล้านบาท
สามารถนำมาขุดลอกคลองทั้ง กทม. ได้ระยะทางมากกว่า 60,000 กิโลเมตร (ต้นทุนค่าขุดลอกคลอง ประมาณ 1 แสนบาท/กิโลเมตร) ซึ่งเมื่อคูคลองได้รับการพัฒนา และมีการเชื่อมโยงกันและเชื่อมกับระบบขนส่งอื่นๆ นอกจากทั้งเส้นทางสัญจรเพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะเป็นเส้นทางลำเลียงผลผลิตในสวนออกมาขายที่ตลาด หรือขายให้กับนักท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้จะเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่เหล่านี้ได้ และพอเกิดสิ่งนี้ขึ้นมันก็จะย้อนไปทำให้คนในชุมชนหันมาดูแลคูคลองของเขาเองด้วยเช่นกัน
ขณะที่ ชัชชาติ กล่าวว่า นอกจากการทำให้คูคลองที่เป็นเสมือนเส้นเลือดฝอย ในการช่วยนำคนเข้าสู่ระบบเส้นเลือดหลักทั้งรถไฟฟ้าและระบบถนนแล้ว การมีหน่วยงานด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนริมคลองได้ เพราะจะทำให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นเป็นที่สนใจของคนได้ ทำให้การปลูกผัก ปลูกส้ม เป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงตนเองได้ เกิดเป็นเศรษฐกิจสีเขียวที่สามารถรักษาความเป็นชุมชนที่มีอัตลักษณ์ของตนเอง อยากให้ กทม. มีสำนักนี้เกิดขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ไปดูแล แนะนำคนกลุ่มนี้
ด้าน สัมพันธ์ มีบรรจง “น้าแอ๊ว” จากชุมชนบางประทุน ที่เข้าร่วมในเวทีเสวนา กล่าวว่า ผลสำเร็จจากการได้มาทำงานร่วมกับ มจธ. ภายใต้โครงการ Green Thonburi และโครงการอื่นๆ มายาวนานก็คือการทำให้คนในชุมชนได้มาร่วมกันคิดร่วมกันทำ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนในชุมชนขายสวนขายที่ไปไม่น้อยจึงพยายามรวมกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกันในการรักษาความเป็นชุมชนเกษตร เป็นกลุ่มรักบางประทุน
ซึ่งได้ มจธ. และอาศรมศิลป์ เข้ามาช่วยสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ และทำให้พวกเราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ เกิดเป็นกลุ่มแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร ที่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีการทำการตลาดออนไลน์ไปพร้อมกัน ที่สำคัญทำให้เราได้รู้จักเพื่อนๆ ในชุมชนอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการแชร์ความคิด ประสบการณ์ และเกิดการทำงานเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งในปัจจุบัน
ยังมีนักวิชาการอีกท่านคือ รัตมณี อ๋องสกุล สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย นักวิจัยโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวชุมชนคลองฝั่งธนบุรี กล่าวสรุปว่า สิ่งที่ผู้สมัครผู้ว่า กทม. และผู้นำชุมชน สะท้อนออกมาในเวทีนี้ ทั้งเรื่องระบบคมนาคม และศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวระดับพื้นที่ เป็นหนึ่งในเป้าหมายของโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบชุมชนริมคลองฝั่งธนบุรีด้วยเครือข่ายคลังสมองของพื้นที่และแผนผังภูมินิเวศเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของหลากหลายองค์กรและภาคีเครือข่าย
โดยใช้เครื่องมือยุทธศาสตร์ “แผนผังภูมินิเวศ” ในการกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่ และเศรษฐกิจสีเขียวบนฐานต้นทุนนิเวศวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของชุมชน ดำเนินการร่วมกับ “คลังสมองของพื้นที่” หรือเครือข่ายภาคชุมชน-ภาควิชาการ-ภาครัฐ ในทั้ง 4 พื้นที่คือ ชุมชนพูนบำเพ็ญ เขตภาษีเจริญ ชุมชนตลาดพลู เขตธนบุรี ชุมชนคลองบางประทุน เขตจอมทอง และชุมชนคลองบางมด เขตทุ่งครุ-บางขุนเทียน รวมถึงการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อ กทม. เพื่อการสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวระดับกลุ่มชุมชนที่เชื่อมโยงชุมชนร่วมสายคลองฝั่งธนบุรีเข้าด้วยกัน
ซึ่งจะทำให้การพัฒนาเชิงพื้นที่มีความยั่งยืนต่อไป!!!
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี