เช้าวันใหม่ของวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 พระอาทิตย์ขึ้นที่ "สวนสิรีรุกขชาติ" นักศึกษาการแพทย์แผนไทย รุ่นที่ 25 ของ "มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา" ลงพื้นที่ศึกษาสวนสมุนไพรบนพื้นที่ 37 ไร่ มีสมุนไพรให้ศึกษา 600 ชนิด แต่ด้วยเวลาที่จำกัด ทำให้สามารถศึกษาสมุนไพรแต่ละตัวอย่างละเอียดราวๆ 30 ชนิด อาทิ กระดังงา, ผักปลัง, พลูคาว, มะเดื่อชุมพร, ชมเห็ดเทศ, โพธิ์คลาน, สมอไทย, สมอพิเภก และสมอทะเล เป็นต้น
เพราะในเนื้อหาการศึกษาสมุนไพรในหลักสูตรการแพทย์แผนไทยนั้น ต้องศึกษาอย่างละเอียดในส่วนของรูปร่างใบของสมุนไพรและสรรพคุณที่นำมาเป็นตัวยา ซึ่งในการปลูกสมุนไพรของสวนสิรีรุกขชาตินั้น ย่อมเป็นสวนสมุนไพรปลอดสารพิษ เพราะระหว่างที่นักศึกษาเดินชมและเรียนรู้อยู่นั้น จะต้องมีการนำใบมาดม ชิมลูกหรือดอกของสมุนไพรสด เช่น การชิมดอกของต้นช้าพลู, การดมใบกะเพรา แมงลัก และตะไคร้ เป็นต้น โดยมีทีมคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิให้ความรู้ ได้แก่อาจารย์อำพล บุญเปล่ง และคณะ ซึ่งการศึกษาลงพื้นที่สวนสมุนไพรนั้น เป็นหนึ่งในกิจกรรมวิชาเภสัชกรรมไทย
ในเว็บไซต์ https://sr.mahidol.ac.th/ เขียนไว้ว่า "สวนสิรีรุกขชาติ" สร้างขึ้นโดยในปี 2523 จากดำริของศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ดร.ณัฐ ภมรประวัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และศาสตราจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ หัวหน้าภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์คณะเภสัชศาสตร์ ที่มีความประสงค์ให้พื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายามี "สวนสมุนไพร" ที่เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์พืชสมุนไพรไทยเพื่อการศึกษาและวิจัย โดยในระยะแรกใช้ชื่อว่า "โครงการปลูกสวนสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์" ดำเนินการบนพื้นที่ 12 ไร่ จากนั้นมีการพัฒนาขยายพื้นที่เป็น 37 ไร่ รวบรวมพืชสมุนไพรประมาณ 600 ชนิด
ต่อมาในปี 2531 สวนสมุนไพรแห่งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานชื่อว่า "สิรีรุกขชาติ" และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด "สวนสมุนไพรสิรีรุกขชาติ"
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2531 ซึ่งสวนสมุนไพรสิรีรุกขชาตินี้ บริหารและดำเนินงานโดยภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ ซึ่งในปี 2536 สวนสมุนไพรสิรีรุกขชาติ ได้รับรางวัล "มหาวิทยาลัยมหิดล ประเภทดีเด่นเฉพาะทาง สาขาการบริการ" และในปี 2539 ได้รับรางวัล "โครงการดีเด่นแห่งชาติ สาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้านสมุนไพร ประจำปี 2539" จากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
ต่อมาในปี 2550 ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล มีดำริให้ยกระดับพื้นที่สวนสมุนไพรสิรีรุกขชาติ เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ และเป็นศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรไทยระดับประเทศและระดับนานาชาติ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางด้านพฤกษศาสตร์ด้วย มหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการปรับภูมิทัศน์และขยายพื้นที่เป็น 140 ไร่ เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ระดับสากลและรองรับกิจกรรมต่างๆ โดยมีพื้นที่สำหรับจัดแสดงสมุนไพรในลานสมุนไพรจำนวน 7 ลาน รวมถึงสร้าง "ลานสมุนไพรเพื่อผู้พิการและผู้สูงอายุ" แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมทั้ง นิทรรศการถาวร ภายใต้แนวคิด "สมุนไพร ภูมิปัญญาไทยสู่สากล"
อีกทั้งยังจัดตั้ง "ศูนย์อ้างอิงทางพฤกษศาสตร์พืชสมุนไพรและเครื่องยา" เพื่อเป็นหน่วยงานวิจัยเพื่ออนุรักษ์ และขยายพันธุ์ โดยทำงานร่วมกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (อพ.สธ.) ให้บริการวิชาการในรูปแบบการจัดกิจกรรม การอบรมทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติการแก่ผู้ที่มีความสนใจทุกกลุ่ม ในวันที่ 22 เมษายน 2553 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่อสวนสมุนไพรใหม่ว่า "อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ" และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ต่อมาวันที่ 12 กันยายน 2560 อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอุทยานธรรมชาติฯ และเริ่มเปิดให้บริการกับนักเรียน นักศึกษา นักวิจัยและบุคคลทั่วไป อย่างเป็นทางการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบัน “สวนสิรีรุกขชาติ” เปิดรับผู้เข้ามชมเป็นกรุ๊ป โดยต้องโทรจองล่วงหน้าในการเข้าชมที่เบอร์โทรศัพท์ 02-441-5272-4
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี