"22 ธันวาคม พ.ศ.2564" ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาส "วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนท์วิหาร", ประธานกรรมการคณะสงฆ์ธรรมยุตในประเทศแคนาดา และผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพ (Willpower Institute) กรุงเทพมหานคร ได้ละสังขารอย่างสงบที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
องค์ท่านละสังขารหลังจากได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เพียง 1 ปี กับอีก 50 วัน โดยเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯสถาปนาสมณศักดิ์ พระพรหมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินฺธโร) ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ มีพระราชทินนามที่จารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระญาณวชิโรดม พุทธาคมวิศิษฐ์ จิตตานุภาพ พัฒนดิลก สาธกธรรมวิจิตร วิเทศศาสนกิจไพศาล วิปัสสนาญาณธุราทร ธรรมยุตติกคณิสสรบวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี สถิต ณ วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนท์วิหาร กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2563
ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม หรือที่ศิษยานุศิษย์เรียกกันว่า พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯนั้น ในวัยเด็กช่วงอายุ 13 ปีได้ประสบกับจุดวิกฤตของชีวิตคือ ล้มป่วยเป็นอัมพาตและในระหว่างที่นอนป่วยนั้นได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากใครก็ตามสามารถดลบันดาลให้หายป่วยได้จะอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต เมื่ออธิษฐานเสร็จ ทันใดนั้นเด็กชาย
วิริยังค์ บุญฑีย์กุล ได้พบกับ "ชีปะขาว" ท่านได้มาถามเด็กชายวิริยังค์ว่า หนูๆ อยากหายป่วยจริงๆเหรอ เด็กชายวิริยังค์ฯก็ตอบว่า จริง ทาง "ชีปะขาว" ก็ถามอีกว่าแล้วเมื่อหายป่วยจะอุทิศตัวเพื่อพระพุทธศาสนาจริงๆน่ะ เด็กชายวิริยังค์ฯก็ตอบว่า จริง
หลังจากนั้น เด็กชายวิริยังค์ฯก็หายป่วยจากโรคอัมพาต และ เข้าบรรพชาเป็นสามเณรวิริยังค์ และต่อมาเมื่อถึงอายุได้อุปสมบทเป็นพระวิริยังค์ และอยู่อุปัฎฐากหลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ รวมเวลาที่ได้อุปฐากหลวงปู่กงมาทั้งหมด 8 ปี ต่อมาหลวงปู่กงมาได้ออกเดินทางไปพบหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่จังหวัดสกลนคร โดยมีพระวิริยังค์ติดตามไปด้วย และเมื่อถึงหน้ากุฎิของหลวงปู่มั่น ทางหลวงปู่มั่นได้ออกมายืนรอหน้ากุฎิ โดยท่านเมตตาบอกว่า เราทราบอยู่แล้วว่าเธอทั้งสองคนจะมา
ในช่วงเวลานั้น พระวิริยังค์ หรือ ต่อมาคือ พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯ ได้อยู่อุปัฎฐากหลวงปู่มั่นเป็นเวลา 4 ปี จนได้ตำแหน่ง ทส.หลวงปู่มั่น หรือทหารคนสนิทผู้ติดตามหลวงปู่มั่นนั่นเอง และ ช่วงเวลา 4 ปีนี้ พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ฯได้แอบบันทึกเนื้อหาหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่นอย่างละเอียด โดยตั้งชื่อว่า “มุตโตทัย” และนำสิ่งที่บันทึกมาให้หลวงปู่มั่นอ่านก่อน และหลวงปู่มั่นก็บอกว่า ใช้ได้
เพจธรรมะเผยแพร่ว่า ท่านเจ้าคุณ พระราชปัญญาวชิโรดม เจ้าอาวาส วัดเทพเจติยาจารย์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (ท่านเจ้าคุณพระอาจารย์ ดร.สุพล ขนฺติพโล) เมตตาบรรยายธรรมในรายการ “ธรรมะบรรยาย” ณ วัดเทพเจติยาจารย์ เมื่อคืนวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2565 ว่า “ครั้งหนึ่ง หลวงปู่มั่นเคยพูดว่า หลวงพ่อวิริยังค์ฯนี่เป็นไก่ป่า ไก่ป่าถ้าไปอยู่ในบ้าน ไก่ป่ามาอยู่บ้านก็จะขันจ้านไปทั่วเมือง ไก่ป่าปกติจะมีหัวหน้าขัน ส่วนลูกน้องไม่ได้ขัน มีแต่หัวหน้าขัน หลวงปู่มั่นก็บอกว่า วิริยังค์ถ้าไปอยู่ในเมืองหรือในบ้านก็จะขันจ้านทั่วเมือง ทำเมืองเท่าจักรวาลทั้ง 4 หมายความว่า ท่านจะเผยแพร่การทำสมาธิ หรือ คำสอนของพระพุทธเจ้าให้ขจรขจายไปทั่วทิศทั้ง 4 นั่นคือความหมายของ ขันจ้านไปทั่วเมือง มาบัดนี้ก็เป็นจริงแล้ว ท่านไปเปิดสาขาพลังจิตตานุภาพทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย นี่คือ ขันจ้านไปทั่วเมือง จังหวัดไหนไม่มีสถาบันพลังจิตตานุภาพจะถือว่าเชยมากๆ บัดนี้มีทุกจังหวัด ท่านได้ขยายไปที่ประเทศแคนาดา, อเมริกา, ออสเตรเลีย และ ก็จะไปยังประเทศจีน ประเทศออสเตรีย ประเทศอิตาลี ประเทศฝรั่งเศส เพราะว่าท่านได้ให้คนแปลแต่ละภาษา ภาษาสเปนก็มี ภาษาอิตาลีก็มี ภาษาญี่ปุ่นก็มี ภาษาอินโดนีเซียก็มี ภาษาเยอรมันก็มี เรียกว่า เตรียมพร้อมที่จะไปเปิดสถาบันพลังจิตตานุภาพให้กระจายไปทั่วโลก” พระราชปัญญาวชิโรดมเมตตาเล่าให้สาธุชนฟัง
พระราชปัญญาวชิโรดมเคยปฏิบัติหน้าที่เป็นพระอุปัฎฐากสมเด็จพระญาณวชิโรดม และใกล้ชิดกับองค์ท่านตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นสามเณร เรียกว่า สมเด็จพระญาณวชิโรดมท่านเปรียบเสมือนพ่อและแม่ เลี้ยงดูพระราชปัญญาวชิโรดมมาในวัยเป็นสามเณรจนกระทั่งเป็นพระอาจารย์ ดร. และได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นท่านพระครูปลัดมงคลวัฒน์ จนกระทั่งได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชปัญญาวชิโรดม รวมไปถึงพระราชปัญญาวชิโรดมยังร่วมถวายงานด้านหนังสือวิชาการครูสมาธิให้ออกมาเป็นหนังสือ 3 เล่มในมาตรฐานหลักสูตรครูสมาธิของสถาบันพลังจิตตานุภาพ
ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม ยังมีโยมอุปัฎฐากที่สำคัญหลายท่าน หนึ่งในโยมอุปัฎฐากที่รู้ใจองค์ท่าน คือ ดร.ศิริธัช โรจนพฤกษ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการอุปัฎฐากเป็นการส่วนตัว และการขยายงานด้าน “สมาธิ” ของ “สถาบันพลังจิตตานุภาพ” ให้เกิดขึ้นทั่วโลก จนปัจจุบันมีสถาบันพลังจิตตานุภาพทั่วโลกร่วม 310 สาขา
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2565 มีพิธีเก็บอัฐิธาตุ ณ เมรุหลวง หน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ (ในพระบรมราชานุเคราะห์) โดยสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) เจ้าอาวาส วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร, ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 1-2-3 และภาค 12-13 (ธรรมยุต) กรรมการมหาเถรสมาคม ประกอบพิธีพระราชทานผ้าไตร และภัตตาหารสามหาบในการเก็บอัฐิ และ มีการเชิญอัฐิของท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระญาณวชิโรดม มายังวัดธรรมมงคลฯ เพื่อเปิดโอกาสให้สาธุชนเข้ากราบสักการะอัฐิธาตุขององค์ท่าน ระหว่างวันที่ 21-30 มิถุนายน 2565 เวลา 07.00-20.00 น. ณ อาคารบุญญาวาส วัดธรรมมงคลฯ กรุงเทพมหานคร
(ขอบคุณ :- ภาพและข้อมูลโดยเฟสบุ๊คของ ผศ.นพ.พรหมพิศิษฐ์ โจทย์กิ่ง ผู้ดูแลสถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา 78 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น , เพจ วัดป่าร้อยปีหลวงพ่อวิริยังค์ จังหวัดราชบุรี และเพจ ธรรมะ)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี