ความเป็น "สหรัฐอเมริกา" ที่เป็นพี่ใหญ่ของโลกมาอย่างยาวนาน เมื่อมาถึง พ.ศ.2565 มีการพูดถึง "จีน" ว่า อาจจะเป็นประเทศมหาอำนาจใหม่ที่น่าจับตามองนับตั้งแต่ พ.ศ.นี้ และในทศวรรษต่อไป
เวทีหนึ่งที่เป็นเวทีอันท้าทายสำหรับทั้ง 2 ประเทศ คือ "APEC 2022" ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย ประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 แต่ปรากฎว่า ไทยยังประสบพบเจอกับวิบากภายในประเทศ โดยเฉพาะในระยะหลังมานี้ ประเทศไทยมีวิบากกรรมด้านลบในเรื่องความขัดแย้งทางด้านการเมือง ทำให้เวทีเอเปคในไทยเข้าสู่ภาวะเรือแทบล่ม หรือ เป็นไปอย่างยากลำบาก และไม่ราบรื่นเท่าที่ควร โดยทางฝ่ายเห็นต่างมักใช้เวทีการประชุมเอเปค มาเป็นโอกาสในการแสดงออกด้านความขัดแย้งทางการเมือง และ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านลบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วันนี้หลายฝ่ายจึงพยายามกู้วิกฤต และสร้างความมั่นใจด้านการจัดประชุมเอเปคขึ้นมา เช่น เวทีงานเสวนาเรื่อง “การพัฒนาและความท้าทายในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิค” ซึ่งเวทีนี้ มีการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “APEC 2022 เวทีใหญ่ที่เมืองไทย แล้วโลกจะได้อะไร” โดยมีนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดี กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นองค์ปาฐก เนื้อหาหลักๆ เน้นไปที่ประเด็น การประชุมเอเปคที่จะมีขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะว่าด้วยธีม (THEME) : Open, Connect และ Balance โดยเฉพาะด้านการค้าการลงทุน และประเด็นที่ยังเป็นสิ่งที่จะนำพูดถึง คือ ภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change ซึ่งเริ่มมีการพูดคุยกันตั้งแต่ ค.ศ.2007
"ครั้งแรกที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค คือ ค.ศ.1992 ในตอนนั้นจะมีรัฐมนตรีด้านการค้าของแต่ละประเทศมาร่วมประชุม ต่อมาใน ค.ศ.1993 การประชุมเอเปคเริ่มขยับสู่กาประชุมระดับผู้นำประเทศ และ ใน ค.ศ.2003 ไทยเป็นเจ้าภาพอีกครั้งในการประชุมเอเปคระดับผู้นำ ซึ่งเวลานั้นไทยเพิ่งเริ่มออกจากวิกฤตต้มยำกุ้ง จึงเน้นประเด็นการลงทุน (Investment) ให้กลับมาโดยเร็ว รวมไปถึงประเด็น การเจริญเติบโตการค้าที่ยั่งยืน และ การค้าการลงทุนแบบพหุภาคี" นายเชิดชายกล่าว
นอกจากนี้ นายเชิดชายยังมองว่า ประเด็นที่น่าสนใจและประเทศชิลีเปิดประเด็นไว้ในการประชุมเอเปค ในปี ค.ศ.2019 คือเรื่องผู้นำสตรี และขยะทางทะเล รวมทั้งการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขณะที่เมื่อปี ค.ศ.2021 ในการประชุมเอเปคที่นิวซีแลนด์ เน้นเรื่องการให้ความสำคัญกับชนพื้นเมือง
เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าการประชุมเอเปคที่จะจัดขึ้นที่ไทยนั้น ยังคงไม่นอกเหนือประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโลก โดยเฉพาะเรื่องภาวะโลกร้อน ซึ่งมีความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะเกษตรคนเมืองของไทยนั้น จำเป็นที่จะต้องทราบในเนื้อหาเหล่านี้ เพราะจะทำให้ประเมินสถานการณ์การทำเกษตรในเมืองได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
ในเวทีดังกล่าวยังมีการเปิดตัวหนังสือ "เส้นทางประชาคมจีน-อาเซียน ความร่วมมือและพัฒนา ตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว-ไทย" เขียนโดย ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน ซึ่งมีวีดีทัศน์ของ “นายหลี่ หย่งเฉียง” (President of the Belt & Road Publishing Cooperative. & President of China Renmin University Press.) พร้อมด้วยวีดีทัศน์ของ “พลเอกสุรสิทธิ์ ถนัดทาง” ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ที่พูดถึงประวัติศาสตร์รถไฟไทยตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมาถึงปัจจุบัน อันเป็นจุดเชื่อมต่อโครงการรถไฟไทยไปจีน
“ประเทศไทยมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีความสำคัญมาก ตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดกับเมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา ลาว นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางทางบกสำคัญที่เชื่อมระหว่างคาบสมุทรอินโดจีนกับประเทศจีน และ มีทางออกทางทะเลที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นทิศตะวันออกคือมหาสมุทรแปซิฟิก และ ทิศตะวันตก คือ มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งถือได้ว่าที่ตั้งของประเทศไทยมีศักยภาพอย่างมากในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าของภูมิภาคนี้ โดยจีนและไทย ทั้งสองประเทศได้มีฉันทามติร่วมกัน ในการสร้างประชาคมอาเซียน โดยมีผลตาม ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค รวมทั้งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียน-จีน” ดร.วิรุฬห์ กล่าว
ตามมาด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นบนเวทีเสวนา “การพัฒนาและความท้าทายในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก” โดยมีวิทยากรที่สำคัญ ได้แก่ ผศ.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดี คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการ ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายพิริยะ เข็มพล อดีตเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน, ดร.อนุสนธิ์ ชินวรรณโณ ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, นายชิบ จิตนิยม บรรณาธิการข่าวต่าวประเทศ เนชั่น ทีวี,
ดร.ธารากร วุฒิสถิรกูล รองผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน สำนักงานวิจัยแห่งชาติ และ นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ บรรณาธิการ เดอะ ลีดเดอร์ เอเซีย (The Leader Asia) ดำเนินรายการ
ประเด็นสำคัญบนเวทีเสวนาทั้งหมด มีความเห็นสอดคล้องกันว่า “จีน” เป็นประเทศมหามิตรของไทยที่สำคัญ และ เป็นตัวแปรสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิค โดยเฉพาะมีความสัมพันธ์กันด้านเชื้อชาติจีนที่มีมาอย่างยาวนาน เพียงแต่ในทางด้านการฑูต ไทยอาจจะไม่สามารถเลือกข้างได้อย่างชัดเจนว่า จะเลือกอยู่ข้างสหรัฐอเมริกา หรือ จีน เพราะทั้งหมดไทยต้องดำเนินการตามแนวทางในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นอันดับแรก ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนยังต้องเดินหน้าในลักษณะ “มหามิตร” ซึ่งมีมายาวนานตั้งแต่ครั้งประวัติศาสตร์
ขณะที่นายชิบ จิตนิยม บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ เนชั่นทีวี กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า การที่ประเทศไทยจะเป็นครัวของโลกนั้น ไม่น่าจะใช่อีกต่อไป เพราะปัจจุบันประเทศจีนมีการลงทุนด้านวิจัยอาหารและเมล็ดพันธุ์ ทำให้แก้ปัญหาความอดอยากของประเทศไปได้ และ ทำให้ประชากรกว่า 1,400 ล้านคน เหลือกิน เหลือใช้ และ เหลือเฟือ โดยวันนี้จีนมีนโยบายที่ต้องการให้ “คนจีนกินข้าวทุกเม็ดให้หมด” รวมทั้งยังมีศูนย์วิจัยเทคโนโลยีการเกษตร 3-4 ศูนย์ ใช้พื้นที่ 126,000 ไร่ ซึ่งนับเป็นซิลิคอนวัลเล่ย์ด้านการเกษตร และ ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าเทคโนโลยีด้านพลังงานมาจากจีน อย่างโซล่าร์เซลล์ และ ไฮบริดจ์ลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อนำมาใช้ที่เขื่อน เช่น เขื่อนสิรินธร
“โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือ บีอาร์ไอ สะท้อน 3 อย่าง คือ 1.ระบบกระดูกสันหลัง เช่น ด้านเกษตรกรรม 2.ระบบเส้นเลือด เช่น นำ้มัน เชื้อเพลิง และ ทรัพยากร และ3.ระบบเส้นประสาท เช่น บรอดแบรนด์ เทคโนโลยีต่าง และ บิ๊ก ดาต้า (Big Data) ซึ่งทางแมคคินซีย์(McKinsy Global Institute : หน่วยงานวิจัยด้านเศรษฐกิจและธุรกิจของแมคคินซีย์) บอกว่า หากบีอาร์ไอเกิดขึ้นจริงจะทำให้ 80% ของเศรษฐกิจโลกได้รับการกระตุ้น” นายชิบ กล่าว
เพราะฉะนั้น “การประชุมเอเปค 2022” ซึ่งเป็นเวทีของผู้นำประเทศนั้น จะมีผลขับเคลื่อนต่อแผนการพัฒนาเศรษฐกิจโลกในลักษณะมหภาค และ มีผลต่อการพัฒนาในระดับภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิค ซึ่งจะมีหัวข้อประเด็นที่เป็นจุลภาคเข้ามาภายใต้กรอบใหญ่ ขึ้นอยู่ที่ว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงได้ ถ้าการประชุมเอเปค 2022 ในไทย ไม่ล่มไปเสียก่อนด้วยวิบากกรรมด้านลบของประเทศชาติบ้านเมือง รวมไปถึงหากการประชุมเอเปคเกิดขึ้นได้จริงๆ ก็ควรจะงดการแสดงออกด้านความเห็นต่างทางการเมืองไว้ก่อนในช่วงนั้น เพื่อรักษาหน้าตาของประเทศชาติไว้บ้าง และ แสดงออกถึงพลังแห่งความสามัคคี ซึ่งเป็นด้านบวก ก็จะทำให้เวทีการประชุมเอเปค 2022 เป็นไปด้วยความงดงาม และ มีคุณค่าในความเป็นไทยที่แสดงออกให้ชาวโลกได้รับทราบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี