พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ครั้งหนึ่ง ได้เคยเปิดให้ประชาชนเข้าชมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเดิม ซึ่งตั้งอยู่ที่สวนรมณีนาถ กทม. แต่ต่อมามีเหตุให้ต้องปิดการแสดงไปนานถึง 8 ปี(พ.ศ.2557-2564) และเมื่อมาถึงยุคอธิบดีกรมราชทัณฑ์“อายุตม์ สินธพพันธุ์” จึงมีนโยบายว่าจะเปิดพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ให้ประชาชนได้เข้าชม อีกครั้ง เพื่อมิให้จิ๊กซอว์ประวัติศาสตร์ของไทยที่เกี่ยวกับภูมิปัญญาด้านราชทัณฑ์ของประเทศสูญหายไป ดังนั้น ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาข้าราชการราชทัณฑ์ เป็นแม่งานใหญ่ รับไปดำเนินการจัดนิทรรศการเปิดแสดงให้ประชาชนได้เรียนรู้วิวัฒนาการด้านการลงทัณฑ์และงานราชทัณฑ์ไทยจากอดีตสู่ปัจจุบันเฉกเช่นเดียวกับนานาประเทศ โดยมีแผนดำเนินงานว่าจะเปิดช่วงพฤษภาคม 2565 แต่มีเหตุติดขัดให้ต้องเลื่อนการเปิดพิพิธภัณฑ์ฯเรื่อยมาจวบจนกระทั่งบัดนี้
“ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์” เปิดเผยในเรื่องนี้ว่า ทั้งๆที่หุ่นแสดง เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆก็นำมาเก็บไว้ที่ห้องที่อยู่ข้างห้อง ผอ.สถาบันพัฒนาข้าราชการฯนานนับเป็นเดือนๆ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทะเลาะกันหรือมีปัญหาเรื่องงบประมาณอะไรเลย แต่กลับมีเหตุให้เปิดไม่ได้สักที ต้องเลื่อนการเปิดออกไปเรื่อยๆตั้งแต่กลางปี จนเกือบปลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้ก็เกิดเรื่องราวที่ลึกลับและอาถรรพ์ต่างๆขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้ นับตั้งแต่ที่ได้นำหุ่นเพชรฌาตดาบ“ปู่เหรียญ เพิ่มกำลังเมือง” หุ่นนักโทษ เครื่องมือ อุปกรณ์ลงทัณฑ์ที่มีทั้งชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ ซึ่งโดยรวมๆแล้วมีประมาณกว่าพันชิ้น ขนย้ายด้วยรถคอนเทนเนอร์ 3คัน นำของมาเก็บไว้ที่ห้องติดกับห้องทำงานของ ผอ.สถาบันพัฒนาข้าราชการราชทัณฑ์
“ช่วงระหว่างที่รอตกแต่ง“ตึกดำ”อาคารปูนดิบสไตล์ลอฟท์ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เสร็จเรียบร้อยนั้น ก็มีเรื่องโจษจันเล่าขานถึงเหตุการณ์ประหลาดและเรื่องราวชวนขนหัวลุกต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงที่ดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดพิพิธภัณฑ์ อย่างเช่น ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานตอนกลางคืนราวสองยาม เห็นเงาดำเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่มาก เดินผ่านไปมาช้าๆเหมือนเดินสำรวจตรวจตราอยู่บริเวณหน้าห้องเก็บอุปกรณ์ที่จะนำมาแสดงในพิพิธภัณฑ์ฯ ทำให้เจ้าหน้าที่คนนั้นตกใจกลัว ขนลุกซู่ตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงสันหลังกันเลยทีเดียว แล้วก็ยังมีอีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กเล็กที่เป็นหลาน ผอ.สถาบันพัฒนาข้าราชการฯ โดยตอนวันหยุดได้ตามมาเที่ยวที่ทำงานด้วย แต่พอมาถึงก็ไม่ยอมขึ้นตึก บอกว่าเห็นผู้ชายตัวใหญ่ ดำๆ ยืนขวางประตูอยู่และจ้องมองดูเค้าแบบไม่ละสายตา ทำให้เด็กคนนั้นไม่กล้ามาที่นี่อีกเลย
ดร.อายุตม์ เล่าให้ฟังว่า พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์แห่งนี้ จะนำเครื่องมือ และอุปกรณ์ ที่มีการใช้ลงทัณฑ์นักโทษจริง ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันมาจัดแสดงไว้ อาทิ ตะกร้อช้างเตะที่มีการเอานักโทษใส่ไว้ในลูกตะกร้อแล้วให้ช้างเตะ ดาบเพชรฆาตประหารนักโทษ ปืนยิงเป้า อุปกรณ์ทรมานนักโทษต่างๆ อย่าง ขื่อคา ที่บีบขมับ ที่ตอกเล็บ โซ่ตรวน ขาหยั่งเหล็กแหลม ซึ่งตอนนี้นำไปเก็บไว้ในอาคารพิพิธภัณฑ์ 3 หลัง ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เพื่อรอวันเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในเร็วๆนี้ โดยหวังว่าจะไม่มีเหตุอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นอีก
ขณะที่“สาธิกา สามศรี” ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาข้าราชการราชทัณฑ์ ในฐานะผู้รับมอบนโยบายจากอธิบดีฯอายุพม์ สินธพพันธ์ เป็นแม่งานดำเนินการเปิดพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ ขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งห้องทำงานอยู่ติดกับห้องเก็บสิ่งของต่างๆที่รอการขนย้ายไปตึกดำ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์เรื่องราวลึกลับให้ฟังว่า ปกติช่วงวันหยุดก็จะพา“น้องปุณ”ลูกชายวัย 6 ขวบ มาที่ทำงานด้วย แต่วันนั้นได้พาหลานชายชื่อ“น้องกร”มาด้วยอีกคน
ปรากฏว่าก้าวเท้าลงจากรถแล้วน้องปุณ ก็ชวนน้องกร ให้เข้ามาในตึกด้วยกัน แต่หลานชายกลับไม่ยอมก้าวเข้ามาในตึก พร้อมทั้งพูดละล่ำละลัก“พี่ปุณ มีคนยืนมองหนูบนบันได” ลูกชายของพี่มองไปตามนิ้วที่หลานชี้ แต่ก็มองไม่เห็นใคร พอเราถามหลานย้ำว่า"หุ่นมานี-มานะ ที่ยืนประตูหน้าตึกใช่มั้ย" หลานบอกว่า"ไม่ใช่ๆผู้ชายตัวใหญ่มาก ผิวดำ หน้าดุๆ ยืนอยู่บนตึก เนี่ยๆ!!เขายังจ้องมองดูหนูอยู่เลย" ซึ่งไม่ว่าพูดอะไรตาของหลานก็ยังมองอยู่ที่จุดเดิมที่อยู่ข้างหน้า เขาพูดไปพร้อมกับถอยหลังกรูดๆ ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาราวประมาณ 4-5โมงเย็น เราก็คิดว่าคิดว่าหลานคงเจอแล้วแหละ
“สาธิกา” เล่าให้ฟังว่า เจ้าหน้าที่แต่ละคนที่ทำงานที่ตึกสถาบันพัฒนาข้าราชการฯ ก็จะมี Story ประสบการณ์ที่เจอเรื่องราวแปลกๆหาคำอธิบายไม่ได้ อย่างเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่งทำงานอยู่ชั้น3 เดินลงมาเข้าห้องน้ำผู้ชายที่ชั้น 2 ซึ่งจะต้องเดินผ่านห้องทำงาน ผอ.ฯ ตอนนั้นเป็นเวลาราว 2 ยามกว่าๆ เขาเห็นผู้ชายรูปร่างใหญ่กำยำคล้ายนักรบโบราณ เดินไปมาเหมือนเดินตรวจตราอะไร ซึ่งลูกน้องผู้ชายคนนั้น เขาบอกว่าตัวเองเดินกลับขึ้นไปบนตึกรวดเร็วมาก แต่ไม่รู้ว่าขึ้นไปด้วยวิธีการยังไง
ซึ่งก็จะมีเรื่องเล่าซุบซิบๆทำนองนี้กันในกลุ่มเล็กๆ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เด็กๆจะพูดกันว่า เวลามาห้องผอ.ฯก็จะได้เสียงเคาะโน่น -นี่ -นั่น แบบหาที่มาของเสียงไม่ได้ ซึ่งทำให้พวกเขากลัวกัน ซึ่งผนังห้องทำงานของพี่อยู่ติดกับผนังห้องเก็บของที่รอจะนำมาแสดงนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ ซึ่งบางช่วงที่“ตึกดำ” ยังตกแต่งไม่เสร็จ ก็ต้องปรับปรุงซ่อมแซมบางชิ้น หุ่นที่ท่านหัวแตก นิ้วหักจะนำมาไว้ในห้องทำงาน
“บางคนก็บอกว่าเห็นหน้าหุ่นแสดง ขยับได้ ซึ่งเราก็สดับตรับฟังมา แล้วพยายามคิดให้เป็นวิทยาศาสตร์ว่าอาจจะมีสาเหตุมาจาก ตึกนี้เป็นปูนดิบสีดำอาจมองจากที่ไกลแล้วจะดูเป็นเงาตะคุ่มๆเกิดmovement และเมื่อมีจังหวะแสงและเงามาตกกระทบพอดี ก็อาจจะทำให้ดูเหมือนหน้าของหุ่นขยับได้ ขยับปากพูด พี่ก็เคยเห็นตอนทำงานดึก 1-2 ทุ่ม อยู่ในห้องหุ่น”
ผอ.สาธิกา บอกว่า ท่าน"อธิบดีฯอายุตม์"มีความคิดว่าปี2565 ถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่จะต้องควรนำบรรพบุรุษที่เป็นรากเหง้าราชทัณฑ์กลับมาบ้านสักทีเพราะอย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นของพิพิธภัณฑ์คือเรือนจำกลางบางขวาง ดังนั้น ไม่ว่าจิตวิญญาณของท่านเหล่านี้ จะระหก ระเหินจากบ้านไปนานกี่ปีก็ตาม แต่สุดท้ายท่านเหล่านั้นก็ต้องกลับมาบ้าน
พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์แห่งใหม่นี้ มีการเก็บรวบรวมเครื่องมือ อุปกรณ์ด้านราชทัณฑ์จากทุกหัวระแหงของประเทศมารวบรวมไว้ที่นี่ ของทุกชิ้นทั้งชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ เป็นวัตถุโบราณในสมัยอยุธยา จนกระทั่งสมัยรัตนโกสินทร์ ก่อนรัชกาลที่ 5, 6 ,7 รวมทั้งดาบของ“ปู่เหรียญ เพิ่มกำลังเมือง” ซึ่งท่านเป็นเพชฌฆาตดาบคนสุดท้ายของประเทศไทย ก็จะนำมาแสดงไว้ที่นี้ด้วย ซึ่งวัตถุโบราณเหล่านี้ ในอนาคตจะหาชมไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้น นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่ชื่นชอบกลิ่นอายประวัติศาสตร์ ไม่ควรพลาดการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์แห่งใหม่ ที่“ตึกดำ”ตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีกำหนดเปิดนิทรรศการแสดงในเดือนพฤศจิกายน 2565นี้
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี