20 พฤศจิกายน 2565 ภารกิจการค้นหาร่าง ‘น้องมาวิน’ วัย 18 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุตกจากเจ็ตสกี จมน้ำสูญหายไปในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความยากลำบากและมีอุปสรรคต่างๆ ทำให้ต้องยกเลิกภารกิจการค้นหาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมเวลาทั้งสิ้น 16 วัน แต่ทีมงานค้นหายังไม่ถอดใจ
รวมถึง น.ส.เกสรา เฟื่องฟู หรือเก๋ ผู้เป็นแม่ของน้องมาวิน มีความหวังจะพบร่างลูกชาย จึงตัดสินใจจะค้นหาอีกครั้งในวันที่ 18 พ.ย. ตั้งเป้าหมายจะใช้เวลาค้นหา 2 วัน (19-20 พ.ย.65) จากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในหลายพื้นที่กว่า 200 ชีวิต ซึ่งร่วมวางแผนเตรียมอุปกรณ์ในการค้นหาร่างน้องมาวินอีกครั้ง และนำมาเป็นประสบการณ์ในการค้นหาเคสต่อๆไป เนื่องจากร่างน้องมาวินถือเป็นร่างที่ 9 จมหายไปในเขื่อนศรีนครินทร์
ข่าวเพิ่มเติม ทัพเรือพร้อมแล้ว! ส่งนักประดาน้ำกู้ร่าง'น้องมาวิน'ในเขื่อนศรีนครินทร์
ข่าวเพิ่มเติม 'บิ๊กป้อม'สั่งกองทัพเรือ ช่วยนำร่าง'น้องมาวิน'ขึ้นฝั่ง จมเขื่อนลึกกว่า74เมตร
โดยตั้งกองอำนวยการศูนย์บัญชาการ ที่บริเวณริมฝั่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ บ้านหม่องกระแทะ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. ของวานนี้ (19 พ.ย.65) เรือสแกน เจอวัตถุต้องสงสัย ต่อมาใช้โดรนใต้น้ำส่งลงไปสำรวจ พบคล้ายร่างมนุษย์ใต้น้ำในระดับความลึก 74 เมตร
เบื้องต้นเป็นศพสวมกางเกงขาสั้น สภาพนอนหงาย ร่างไม่เน่าเปื่อย สร้างความดีใจให้กับ น.ส.เกสรา เฟื่องฟู หรือเก๋ ผู้เป็นแม่ของน้องมาวิน ซึ่งยืนยันว่าเป็นศพของลูกชายจากเสื้อผ้าที่สวมใส หลังจากจมอยู่ใต้น้ำนานถึง 28 วัน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ 20 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่มูลนิธิต่างๆ ร่วมประชุมวางแผนในการนำร่าง ‘น้องมาวิน’ ขึ้นมาจากใต้ท้องน้ำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมรับฟังและสังเกตการณ์ด้วยแต่อย่างใด โดยระบุว่าหากมีความพร้อมเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับร่างของน้องมาวิน ที่ค้นพบวานนี้ พบว่า นอนหงายจมอยู่ใต้ท้องน้ำลึกประมาณ 74 เมตร และอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุที่ตกจากเจ็ทสกี ประมาณ 70 เมตร โดยจุดที่พบร่างมีระดับความลึกมาก สภาพน้ำด่านล่างมีความหนาวเย็น คลื่นแรง และทัศนวิสัยมืดสนิท ซึ่งเป็นอุปสรรคในการกู้ร่างและเสี่ยงอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเจ็ทสกีรวมทั้งเรือท้องแบนพร้อมอุปกรณ์โดนค้นหาใต้น้ำจำนวน 2 ตัว ไปยังจุดพบร่างของน้องมาวินเพื่อนำโดรนที่มีศักยภาพค้นหาใต้ท้องน้ำ ในระดับความลึกประมาณ 200 เมตร โดยจะใช้วิถีนำเบ็ดเกี่ยวติดกับโดรนหวังเกี่ยวเสื้อผ้าที่น้องสวมใส่แล้วดึงขึ้นมาจากใต้ท้องน้ำ
ระหว่างนี้ปรากฏว่ามีแพนักท่องเที่ยวลอยลำอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ชุดค้นหาจึงจำเป็นต้องร้องขอห้ามแพท่องเที่ยวเหล่านั้น ผ่านจุดค้นหาร่างของน้องมาวิน เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการค้นหาเพราะอาจทำให้เกิดคลื่น ซึ่งอาจทำให้ตำแหน่งที่กำหนดจุดไว้คลาดเคลื่อนได้ และจะส่งผลต่อการปฏิบัติภารกิจกู้ร่างในครั้งนี้
ขณะที่การทำงานของสื่อมวลชนก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการอนุญาตให้สื่อมวลชนคัดเลือกตัวแทนเพียง 5 คนเท่านั้น เดินทางไปกับคณะของเจ้าหน้าที่เพื่อบันทึกภาพข่าว และหากทีมกู้ภัยใดขัดคำสั่งดังกล่าวจะให้หน่วยนั้นพักงานทันที โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่า จะทำให้การปฏิบัติการกู้ร่างน้องมาวินขึ้นจากใต้ท้องน้ำยากลำบากยิ่งขึ้น ขณะที่แม่ของน้องมาวิน ก็ไม่อนุญาตให้สื่อบันทึกภาพร่างของลูกชายเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทหารทีมงาน พลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอกประวิทย์ รองนายกฯ ติดตามข่าวการค้นหาร่างน้องมาวิน และทราบว่าขณะนี้พบร่างแล้ว แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้เนื่องจากอยู่ในน้ำลึกประมาณ 70 เมตร ซึ่งท่านเป็นห่วงคณะทำงาน จึงได้สั่งการไปที่ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้จัดทีมนักประดาน้ำ กองทัพเรือ พร้อมให้นำห้อง Chamberและทีมแพทย์เวชศาสตร์ใต้น้ำ กองทัพเรือ เดืนทางมาสนับสนุนร่วมการค้นหาในครั้งนี้
โดยจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีในวันนี้ เพื่อร่วมปฏิบัติการกู้ร่างทันที ซึ่งถือเป็นข่าวดีเนื่องจากทีมประดาน้ำกองทัพเรือมีขีดความสามารถและศักยภาพสูง หากได้มาร่วมช่วยเหลือทุกฝ่ายมั่นใจว่าจะสามารถนำร่างน้องมาวินขึ้นมาได้ในวันนี้อย่างแน่นอน.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี