วันนี้ (30 พ.ย.65) เพจ "ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" ได้ย้อนเรื่องราวการพบ "น้องทัพเสลา" ลูกช้างป่าหลงโขลงที่นำมาอนุบาลไว้ กลับคืนสู่ป่าอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้ หลังจากที่ทดลองปล่อยอิสระแบบจำกัดพื้นที่แล้วพบว่าหากินคู่กับแม่รับได้เป็นอย่างดี หวังให้เข้าโขลงที่หากินบริเวณใกล้เคียงได้ ซึ่งจะนับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ
เรื่องราวพบ "ลูกช้างป่าพลัดหลง" ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 หลังเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พบกับลูกช้างป่า (ช่วงแรกยังไม่สามารถรู้เพศชัดเจน ตอนพบจึงยังระบุว่าเพศผู้) อายุประมาณ 2-3 เดือน พลัดหลงแม่ เดินเดี่ยวเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วย
นายธานี วงศ์นาค หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในขณะนั้น เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านเรื่องพบลูกช้าง 1 ตัว เพศผู้ อายุประมาณ 2-3 เดือน เดินเข้าไปในหมู่บ้าน บ้านไผ่งาม ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 27 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
หลังรับแจ้ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พร้อมหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และเจ้าหน้าที่จำนวน 30 นาย จึงเข้าพื้นที่เพื่อเพื่อตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง
การลงพื้นที่ พบลูกช้างป่า ตัวยังเล็ก อายุประมาณ 2-3 เดือน เดินอยู่ตรงทางเข้าศาลาประชาคมของหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ ร่วมกับราษฎรบ้านไผ่งาม ช่วยกันจับลูกช้าง เพื่อนำออกจากหมู่บ้าน แต่จับตัวไว้ไม่อยู่ เนื่องจากลูกช้างแข็งแรงและดิ้น จึงได้เปลี่ยนแผนเป็นร่วมกันทำการต้อนลูกช้างให้ออกจากหมู่บ้าน กลับเข้าป่าไปหาฝูงแทน
แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ลูกช้างได้หลบหายไปท่ามกลางความมืด เจ้าหน้าที่ก็ไม่ละความพยายาม ยังแกะรอยติดตามลูกช้างอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเกรงว่าลูกช้างอาจจะได้รับอันตราย เช่น ตกลงไปในบ่อน้ำ หรืออาจโดนสุนัขไล่กัด ในคืนนั้นเจ้าหน้าที่ออกติดตามหาลูกช้างกันตลอดทั้งคืน แต่ไม่พบ
กระทั่งเวลาประมาณ 08.30 น.ของวันที่ 28 เมษายน 2563 เจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ได้พบลูกช้างป่ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางระหว่างบ้านไผ่งาม-ทุ่งแฝก จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ชุดติดตามลูกช้าง มาช่วยจับลูกช้าง จนสามารถจับไว้ได้ พร้อมต้อนเพื่อนำไปอนุบาลต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งในเบื้องต้นก่อน เพราะไม่ทราบแน่ชัดว่าลูกช้างพลัดหลงฝูงบริเวณใด และจากช้างฝูงใด เพื่อความปลอดภัยของลูกช้าง เจ้าหน้าที่จึงนำลูกช้างไปพักไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ก่อน
โดยทาง ขสป.ห้วยขาแข้ง ได้ให้ชุดลาดตระเวนติดตามฝูงช้างในพื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า ว่ามีการบันทึกฝูงช้างที่มีลูกช้างไว้หรือไม่ เพื่อวิเคราะห์ ว่าลูกช้างมาจากฝูงช้างใด จะได้นำลูกช้างกลับเข้าสู่ฝูงให้ถูกฝูงต่อไป
ซึ่งจากการสอบถามราษฎรในพื้นที่บ้านไผ่งาม และบ้านบึงเจริญ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับบริเวณที่เกิดเหตุ แจ้งว่าฝูงช้างที่ลูกช้างพลัดหลง น่าจะพลัดหลงมาจากป่าในพื้นที่ป่าที่เตรียมการจะประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ท้องที่ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี คาดว่าน่าจะพลัดหลง เพราะตกใจและแตกตื่น เมื่อเจอกลุ่มชาวบ้านที่ออกมาหาตัวอึ่ง โดยกลุ่มชาวบ้าน เมื่อเจอช้างมักจะจุดประทัด เพื่อไม่ให้ช้างเข้ามาใกล้ ทำให้ช้างทั้งฝูงตกใจวิ่งหนีไป ทิ้งลูกช้าง 1 ตัว ไว้ ทำให้ลูกช้างพลัดหลงออกจากฝูงดังกล่าว
ต่อมาเมื่อเช้าวันที่ 28 เมษายน 2563 นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 ในขณะนั้น พร้อมทีมงานสัตวแพทย์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) ลงพื้นที่เพื่อตรวจดูสภาพและสุขภาพของลูกช้าง พบว่าลูกช้างมีความแข็งแรงมาก ส่งเสียงร้องเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาหิวนม
ต่อมาจึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ประชุมเพื่อวางแผนในการหาทางปล่อยลูกช้างให้คืนสู่ฝูงอย่างปลอดภัย ซึ่งจะต้องทำอย่างรอบคอบ เพื่อให้ทั้งเจ้าหน้าที่ และลูกช้างปลอดภัย เพราะหากปล่อยลูกช้างเข้าผิดฝูง ลูกช้างอาจถูกช้างต่างฝูงทำร้ายจนตายได้ รวมทั้งหากได้รับการเลี้ยงดูไม่ถูกวิธี ลูกช้างอาจป่วยหรือติดโรคได้ ดังนั้นเพื่อความรอบคอบ ปลอดภัย และให้การปฎิบัติตรงตามหลักวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) จึงขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ และประสบการณ์จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาช่วยให้คำแนะและดำเนินการโดยด่วนต่อไป
ทั้งหมดเป็นเรื่องราวในครั้งแรกที่พบกับ "ทับเสลา" ซึ่งวันนี้ถือเป็นวันที่ดี ที่ "ทับเสลา"ลูกช้างป่าพลัดหลงในวันนั้นพร้อมแล้วที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตในป่าเป็นลูกช้างป่าอย่างเต็มตัว "ทับเสลา" ได้รับการดูแลฝึกฝนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเหล่าพ่อๆแม่ๆที่สนับสนุนในทุกๆด้าน และส่งกำลังใจมาอย่างต่อเนื่องรวมถึงติดตามผ่านเพจ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง และ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แม้แต่ทางเพจเอง และในโอกาสดีๆนี้ทางเพจจะได้นำเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆ มาลำดับให้ทราบกันต่อไป ขอขอบคุณและชื่นชมผู้สนับสนุนทุกๆท่าน ทุกหน่วยงาน ที่ปฏิบัติภารกิจกันมาอย่างเต็มที่เรียกได้ว่า #งานช้าง ที่ต้องดำเนินกันมาทั้งก่อนหน้านี้และหลังจากนี้อย่างต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี