“ผมเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องแล้ว เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตามจับผู้กระทำผิด ตัดสายไฟไปขาย มันเห็นแก่เงินไม่กี่บาท แต่อันตรายถึงชีวิตคน และขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับชาวบ้าน”
อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบขโมยตัดสายไฟที่ถนนโลคัลโรด บริเวณหน้าโรงเรียนอนุบาลวณลักษณ์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ซึ่งตนได้ไปลงพื้นที่เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2565 ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในย่านดังกล่าว เนื่องจากเสาไฟส่องสว่างดับทั้งหมด แต่ที่น่าเป็นห่วงคือมีการทิ้งสายทองแดงเปลือยไว้ หากฝนตกหรือใครเผลอจับเสาไฟอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เมื่อกล่าวถึงข่าวเหตุลอบขโมยตัดสายไฟฟ้าบ้าง สายสื่อสารบ้างไปขาย จะพบได้ตั้งแต่การลงมือก่อเหตุตามถนนนอกเมือง เนื่องจากไม่มีกล้องวงจรปิดรวมถึงไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรไป-มา จนถึงบางครั้งปรากฏข่าวการลงมือในพื้นที่เมืองอย่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกจับกุมได้ อาทิ ในเดือน พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา นอกจากกรณีที่รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า หยิบยกมากบอกเล่าแล้ว ยังมีอีกหลายครั้ง ดังนี้
1 พ.ย. 2565 ครั้งนี้คนร้ายไมได้ขโมยตัดสายไฟหรือสายสื่อสาร แต่ลอบถอดน็อตยึดเสาสื่อสารสูง 30 เมตร จนตัวเสาโค่นล้มไปทับรถยนต์บริเวณโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย แต่เคราะห์ดีไม่มีใครได้รับอันตราย เหตุเกิดในพื้นที่ ซอยนิลพาณิชย์ 4 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.ลพบุรี แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องชมตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี เพราะในวันที่ 2 พ.ย. 2565 ก็มีรายงานว่าสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว
8 พ.ย. 2565 เพจเฟซบุ๊ก “ปทุมธานีที่นี่มีแต่เรื่อง” โพสต์ข้อความพร้อมภาพจากกล้องวงจรปิด คนร้ายก่อเหตุลอบตัดสายไฟของระบบไฟฟ้าส่องสว่างถนนริมคลองห้าฝั่งตะวันตก ม.15 ต.คลองห้าอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทำให้ไฟฟ้าส่องสว่างดับมืดมากกว่า2 กิโลเมตร ซึ่ง สามารถ ช่ำชอง สมาชิก อบต.คลองห้า เปิดเผยว่าเหตุครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2565 เวลา 03.41 น. แต่ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุมาหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งที่ตนเองพร้อมผู้ใหญ่บ้านสามารถจับคนร้ายได้ขณะก่อเหตุ นำตัวส่งตำรวจ สภ.คลองห้า ไปแล้วซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในเรือนจำ
12 พ.ย. 2565 ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์สุดระทึกราวกับภาพยนตร์แอ็คชั่น ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ คนร้ายอ้างเป็นพนักงานบริษัทผู้ให้บริการระบบสื่อสารมาตรวจสอบและตัดสาย ในย่านท่าดินแดง เขตคลองสาน แต่ชาวบ้านสังเกตเห็นพิรุธจึงพยายามช่วยกันล้อมจับ กลายเป็นฉากไล่ล่าที่คนร้ายใช้มอเตอร์ไซค์พุ่งชนชาวบ้านฝ่าวงล้อมหลบหนีไปได้ เหตุการณ์ครั้งนี้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
24 พ.ย. 2565 แม้แต่การนำสายไฟลงดินก็ยังไม่รอดมือโจร ครั้งนี้เหตุเกิดขึ้นที่ถนนคันคลองชลประทาน บริเวณทางเข้าบ้านวังธาร ต.ลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และที่ถนนทางเข้าเขื่อนแม่กวงอุดมธารา โดยทั้ง 2 เหตุการณ์ สมยศ อยู่เย็น นายกเทศมนตรีเทศบาลลวงเหนือ เปิดเผยว่า คนร้ายใช้วิธีขุดดินเพื่อดึงสายไฟขึ้นมาตัด ส่งผลให้ไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณดังกล่าวดับ ซึ่งเป็นจุดที่ถนนค่อนข้าวเปลี่ยวและมืด
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ระบุว่า ผู้ใดลักทรัพย์ โดยมีพฤติการณ์ดังนี้ (1) ในเวลากลางคืน (10) ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราดังกล่าวแล้วตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป (เช่น ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนและเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์) ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
นอกจากนั้นยังอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 234 ระบุว่า ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่สิ่งที่ใช้ในการผลิตในการส่งพลังงานไฟฟ้าหรือในการส่งน้ำ จนเป็นเหตุให้ประชาชนขาดความสะดวก หรือน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมาตรา 235 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการด้วยประการใดๆ ให้การสื่อสารสาธารณทางไปรษณีย์ ทางโทรเลข ทางโทรศัพท์หรือทางวิทยุขัดข้อง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อีกด้านหนึ่ง ร้านค้าที่รับซื้อสายไฟหรือสายสื่อสารเหล่านี้ จะมีความผิดฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ท้ายที่สุดนอกจากจะขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดแล้ว ยังอยากฝากไปถึงผู้ที่คิดจะลงมือก่อนเหตุลักษณะนี้ ว่าการลักสายไฟก็ดีหรือสายสื่อสารก็ตาม ผลกระทบไม่ได้เกิดขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เกิดกับชุมชนหรือสังคมโดยรวม ลองตั้งสติแล้วพิจารณาตามหลัก “ใจเขาใจเรา” ว่า สายไฟถูกตัดจนไฟดับแล้วเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือสายสื่อสารถูกตัดแล้วติดต่อขอความช่วยเหลือยามเกิดเหตุฉุกเฉินไม่ได้หากผู้เคราะห์ร้ายนั้นเป็นคนในครอบครัวจะรู้สึกอย่างไร?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี