หนึ่งชีวิตยิ่งกว่าละคร "ป้าเขียด - นภาพร หงสกุล" วัย 76 ปีชีวิตแสนลำบากป่วยหนักซ้ำแล้วซ้ำอีก ล่าสุดผ่าตัดด่วนที่ รพ.มหาราชเมืองย่าโม แพทย์ดูแลใกล้ชิด "สมคิด" ลูกชายยกมือพนมกราบขอบคุณ "พี่บิณ พี่หนุ่ม คงกะพันธุ์ สมาคมศิลปินอาวุโส" วอนผู้ใจบุญมีจิตใจบุญกุศลช่วยเหลือคุณแม่ พร้อมขอบคุณแฟนคลับคุณแม่
วันนี้ (13 ธ.ค.65) ที่ตึก 8 ชั้นหลังเก่าโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ป้าเขียด นักแสดงอาวุโสชื่อดัง หรือ "ป้าเขียด นภาพร" หรือ "นภาพร หงสกุล" วัย 76 ปีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการป่วย "เส้นเลือดสมองส่วนหน้าตีบ" ส่งผลทำให้ไม่สามารถพูดได้ รวมถึงตอนนี้ชีวิตลำบากมาก ขณะนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมีนายสมคิด หงสกุล อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/28 หมู่ 10 บ้านสวนพานหิน 8 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี บุตรชาย และหลานชายคอยดูแลปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด จากการสอบถามอาการป้าเขียด โดยรวมดีขึ้นพูดคุยถามก็รู้เรื่องดี ไม่มีภาวะอ่อนแรง จับมือได้ รับไหว้ได้ แขน-ขาใช้การได้ ไม่มีภาวะแทรกซ้อน มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 เข็ม สีหน้าสดชื่น
ทั้งนี้ "ป้าเขียด" มีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ความดัน ไขมัน เส้นเลือกสมองตีบ ล่าสุดมะเร็งรังไข่ ปีกมดลูก และเนื้องอกที่หน้าท้อง โดยช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาแพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ สายน้ำเกลือ เครื่องกระตุ้นหัวใจ และยาฆ่าเชื้อโดยโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอัปเดตอาการ "ป้าเขียด" ที่ทำการผ่าตัดก้อนเนื้อในรังไข่แล้ว อาการดีขึ้นเป็นลำดับ แพทย์คาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์จะพิจารณาให้กับไปพักฟื้นที่บ้านได้
โดยก่อนหน้านี้ป่วยด้วยอาการโรคเส้นเลือดสมองส่วนหน้าตีบทำให้ไม่สามารถพูดได้ทำให้ไม่ได้รับงานแสดง ต้องอาศัยอยู่กับลูกชายคนเดียวที่เปิดร้านขายของชำ และเพาะเห็ดขาย เพื่อประทังชีพที่จังหวัดปราจีนบุรี
นายสมคิด หงสกุล บุตรชาย กล่าวว่า การที่คุณแม่เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้เพราะเจ็บที่ชายโครงด้านขวาเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตนจึงรีบพาเข้าโรงพยาบาลปากช่องนานา อ.ปากช่องฯ 3 วันสัปดาห์ที่แล้วและแพทย์ได้ส่งต่อมายังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งแพทย์ตรวจแล้วแจ้งว่าต้องได้รับการผ่าตัดเอาเนื้องอกที่บริเวณหน้าท้องออก ซึ่งเป็นมะเร็งมดลูกและอาการโดยรวมหลังแพทย์ผ่าตัดแล้วอาการค่อนข้างดี แพทย์แจ้งว่าอาการไม่น่าเป็นห่วง และไม่มีการติดเชื้อหลังผ่าตัด แต่ยังต้องพักฟื้นเพราะมีลิ่มเลือดอุดตันอยู่ ซึ่งแพทย์ยังต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งเดิมตอนแรกแม่ป่วยเส้นเลือดสมองส่วนหน้าตีบ มีผลกระทบกับระบบเส้นประสาทในการออกเสียงทำให้ไม่สามารถพูดได้ แต่ก็พูดได้เป็นคำไม่เป็นประโยค จับใจความไม่ได้ แต่สามารถสื่อสารรับรู้หมด ถามตอบได้หมด แต่ไม่สามารถตอบเป็นคำพูดได้ ลุกเดินมากไม่ได้ และจะเหนื่อยง่าย ซึ่งก็ต้องให้นั่งวิลแชร์จะสะดวกกว่า
ช่วงแม่ป่วยชีวิตรครอบครัวเราลำบากพอสมควร โดยเฉพาะตนไปทำงานอะไรที่ไหนไม่ได้เลยและต้องอยี่ดูแลแม่ตลอด และยังมีลูกชายอีกคนที่พอจะช่วยเรื่องการขับรถพาไปไหนมาไหนและพาไปพบแพทย์ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ รพ.มหาราชฯ ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าจะเท่าไร แพทย์ยังไม่ได้แจ้งให้ทราบ แต่จริงๆ ค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่มากนักตนก็พอมีอยู่บ้าง จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแพมเพอร์ของแม่ และค่าอาหารไม่มาก ซึ่งค่ารักาษายังไม่รู้ เพราะมีส่วนต่างจากสิทธิ์บัตรทอง ซึ่งได้ย้ายสิทธิ์บัตรทางจาก อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี มายัง รพ.มหาราชนครราชสีมา ไม่มีประกันชีวิต ไม่มีประกันสังคม ไม่มีสิทธิ์อ่านๆทั้งหมด ซึ่งมีผ็ใจบุญมาช่วยเหลือ คือ เพจฯของพี่บิณ บันลือฤทธิ์ มาเยี่ยม คุณมแม่ที่ จ.ปราจีนบุรี เมื่อเดือนมีนาคม 2565 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมีคุณหนุ่ม คงกะพันธ์ ก็ได้มาเยี่ยมช่วงเดือนตุลาคม 2564
"ผมกราบขอขอบพระคุณพี่บิณ และคุณหนุ่ม คงกะพันธ์ มากที่ได้มาเยี่ยมคุณในแม่ และได้ให้ความช่วยเหลือในด้านค่าใช้จ่าย ถ้าไม่ทั้งพี่ทั้ง 2 ท่านครอบครัวเราคงลำบากมากกว่านี้มาก การใช้ชีวิตตอนนี้ตนกับบุตรชายจะอยู่กับคุณแม่เป็นส่วนใหญ่ แทบจะไม่ได้ทำงานเลย เพราะจะทิ้งคุณแม่ไปไหนได้ได้ด้วย ตอนนี้ลงทุนเพาะเห็ดขายเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้มีรายได้ต่อวันวันละ 200-300 บาทให้พออยู่ได้ พอรอดชีวิตไปวันๆ พอกินพอใช้ไป ทุกวันตนจะดูแลคุณแม่ทั้งพาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ เปลี่ยนแพมเพอร์ ทานข้าว ผมเป็นคนทำทั้งหมด ตอนสมัยเป็นนักแสดงหรือรับงานแสดงคุณแม่แข็งแรงดี ร่าเริง และมาไม่สาบครั้งแรกปี 2562 เข้าโรงพยาบาลครั้งแรก อาการติดเชื้อในกระแสเลือด ตอนนั้นอาการหนักมาก นอนห้อง ICU ถึง 14 วันโดยไม่รู้สึกตัวเลย หลังจากนั้นก็ฟื้นมาถึง 2562-2563 และมาถึงกลางปี 2564 มีอาการเส้นเลือดสมองตีบทำให้พูดไม่ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รักษามาช่วงปี 2565 และปลายปี 2565 มาอาการหนักอีกที่ต้องได้รับการผ่าตัดครั้งนี้"
ส่วนทางทีมผู้จัดหรือผู้จ้างก็มีการโทรศัพท์มาพูดคุย และทางสมาคมศิลปินอาวุโสได้ส่งตัวแทนมาเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือระดับหนึ่ง ส่วนการจะมีใครมาช่วยเหลือตนก็ไม่อยากจะไปขอลักษณะนั้นก็แล้วแต่แฟนคลับของคุณแม่ว่าจะช่วยเหลือหรือไม่ อะไร อย่างไร แค่ไหน ส่วนจะให้ตนขอตนคิดว่าคงไม่กล้าไปขออะไรได้ เพราะเท่าที่ได้มากก็ถือว่าพอสมควรอยู่ที่ช่วยเหลือคุณแม่มาตลอด เฉพาะพี่บิณฯช่วยเหลือทำให้ครอบครัวเราไม่ต้องไปดิ้นรณ วิ่งหา ซึ่งก่อนที่พี่บิณฯจะมาช่วย ตนขายรถทิ้งไป 2 คัน ส่วนหนึ่งกู้หนี้ยืมสินเขามาด้วย และได้จากพี่บิณมาช่วย จึงได้ปลดหนี้และมาดูแลรักษาคุณแม่
"ถ้าหากมีผู้ใจบุญมีจิตใจที่เป็นกุศลจะมาช่วยเหลือคุณแม่ และครอบครัวเราก็ยินดี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ แพมเพอร์ หรือข้าวปลาอาหาร หรือเงิน ตนก็ยินดีรับ ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ใจบุญทุกท่านและขอขอบคุณแฟนคลับของคุณแม่ทุกท่าน ตนจะดูแลคุณแม่ตลอด จะไม่ทิ้งแม่ไปไหนอยู่แล้วอย่างแน่นอน ตนอยู่กับคุณแม่ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทิ้งคุณแม่ไปไหน" - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี