เกษตรกรชาวอำเภอรัษฎา จ.ตรัง ผุดไอเดียทำ “ข้าวหลามอบโอ่ง” แทนการเผาลานหรือเผาไฟเป็นแนวยาว นอกจากจะเป็นการแปรรูปข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองให้ขายดีขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ทำให้มีกลิ่นหอม ขนย้ายสะดวก และสามารถนำไปอบไก่ อบปลาหรืออาหารอย่างอื่นได้โดยใช้โอ่งใบเดียวกัน
26 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่แปลงนาหมู่ที่ 5 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีการลงแขกเกี่ยวข้าวพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งเกษตรกรจากหลายตำบล ต่างนำอาหารหวานคาวไปร่วมรับประทาน โดยนายเปลื้อง ช่วยรุย อายุ 52 ปีเกษตรกรซึ่งอยู่หมู่ที่ 6 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด ได้นำนวัตกรรมใหม่ของตน มาโชว์และแจกในงาน นั่นคือ “ข้าวหลามอบโอ่ง” แม้จะตั้งโอ่งไว้ช่วงท้าย งาน แต่ความหอมของข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมือง ผสมกับน้ำกะทิ ถั่วและไม้ไผ่ สามารถดึงดูดใจชาวบ้านให้หันมามองและมาต่อคิว เพื่อขอชิมจนหมดเกลี้ยงเกือบ 100 กระบอก จนข้าวหลามสุกไม่ทันกันเลยทีเดียว และนับเป็น”ข้าวหลามอบโอ่ง”ที่ทำเป็นรายแรกใน จ.ตรัง
ส่วนแนวคิดการทำข้าวหลามอบโอ่ง มาจากการที่นายเปลื้องฯ เป็นเกษตรกรผู้ปลูกไผ่หลากหลายสายพันธุ์บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งแต่เดิมขายเฉพาะต้นไผ่กับหน่อไม้ แต่เมื่อเห็นชาวตรังชอบกินข้าวหลาม และมีขายในงานเทศกาลทุกงาน จนข้าวหลามกลายเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อ และแทบทุกคนจะต้องซื้อติดมือกลับบ้าน ประกอบกับตำบลบางดี อ.ห้วยยอด มีการปลูกข้าวเจ้าและข้าวเหนียวไว้กินเอง ทำให้คิดทำข้าวหลามขึ้น และทำมานาน 4-5 ปีแล้ว โดยใช้ไผ่ที่ปลูกคือไผ่ข้าวหลามกาบแดง,ไผ่กิมซุงและไผ่สีสุก
โดยนำโอ่งมังกรที่บ้านมาเจาะรู เพื่อระบายอากาศเล็กน้อย ใช้เตาถ่านอยู่ด้านล่างสุดของโอ่ง อบด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม อาศัยการดูสีของกระบอกไม้ไผ่ เป็นหลัก ซึ่งสามารถอบข้าวหลามได้ครั้งละไม่ต่ำกว่า 20 กระบอก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ นอกจากจะประหยัดพลังงานแล้ว ยังทำให้มีกลิ่นหอม ไม่ร้อน ไม่มีควันไฟ ไม่มีกลิ่นควันไฟในเนื้อข้าวหลาม ทั้งยังไม่มีปัญหาไฟลุกไหม้หรือลุกลามไปติดพื้นที่ข้างเคียง ขนย้ายสะดวก และยังนำอาหารชนิดอื่น ๆเช่น หมู ปลา ไก่ เนื้อและอื่น ๆ ไปอบในโอ่งได้อีกด้วย โดยใช้แทนการเผาข้าวหลามแบบเผาลานที่ต้องก่อไฟเป็นแนวยาวได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้าวหลามอบโอ่งกำลังจะมีการรวมกลุ่มกันในชุมชน เพื่อผลิตเป็นสินค้าโอทอป ส่งขายสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านอีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่นายเปลื้อง ช่วยรุย เกษตรกรผู้ทำข้าวหลามอบโอ่งรายแรกใน จ.ตรัง กล่าวว่า มีแนวคิดจากการที่ตอนเด็ก ๆ ได้ไปเที่ยวงานเฉลิมพระชนมพรรษาของ จ.ตรัง ซึ่งเป็นงานประจำปี และเห็นว่าคนเฒ่าคนแก่มาขายข้าวหลามในงาน และจะมีคนซื้อข้าวหลามกลับมาบ้าน เพราะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของ จ.ตรังด้วย ซึ่งตนก็กลับมามองว่าในเมื่อตนปลูกไผ่แล้วก็น่าจะต่อยอดได้ ไม่ต้องพึ่งธุรกิจใหญ่ ๆ เพราะชุมชนเราเอง เราต้องพึ่งตนเอง ซึ่งกลิ่นหอมจากการอบโอ่ง ยังทำให้ไม่มีควันไฟ หากเผาในที่โล่งกลิ่นควันไฟจะเข้าไปในเนื้อของข้าวหลาม ถ้าอบในโอ่งจะประหยัด มีกลิ่นหอมและไม่ร้อนในขณะปฎิบัติงาน จะง่ายและสะดวกดี ซึ่งถ้าทำขายจะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกลิ่น สัมผัสครบทั้งตา หู กาย จมูก ลิ้น กาย ใจ
ซึ่งจะนำเข้าไปสู่การขายได้ง่ายขึ้นจากการที่ลูกค้าได้สัมผัส และนำไปต่อยอดนำไปอบไก่ อบปลาก็ได้ เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์หรือจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งจะมีการส่งไม้ในรุ่นต่อ ๆ ไป เพื่อพัฒนาชุมชนให้เกิดประโยชน์ในการพึ่งตนเอง อยู่อย่างมีความสุขได้
ซึ่งยอดการกินข้าวหลามของคนตรังเยอะมาก และเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย เลยคิดประยุกต์จากการที่อยู่ในกลุ่มไผ่ จ.ตรังในการปลูกไผ่ผสมผสานอยู่แล้ว จึงคิดว่าทำอย่างไรให้เราอยู่อย่างพึ่งตนเอง ชุมชนพึ่งตนเอง ไม่ต้องไปพึ่งธุรกิจใหญ่ข้างบน เลยเห็นว่าน่าจะมีการประยุกต์จากการเผาแบบลาน แบบชาวบ้านพื้นถิ่นที่เป็นภูมิปัญญาที่ทำต่อกันมานาน ตนจึงเห็นว่าเป็นการประหยัดพลังงาน ใช้ถ่านเพียงนิดเดียวสามารถหลามข้าวหลามได้ 3 กิโลกรัมหรือประมาณ 20 กว่ากระบอก พอทดลองมา 4-5 ปีโดยไม่ได้ทำขาย ส่วนใหญ่จะแจกเพื่อนบ้านที่มาที่บ้าน เลยทำข้าวหลามแล้วชวนคุยเรื่องของไผ่ และนำไปช่วยงานในแต่ละงาน เพื่อต้องการสื่อสารในเรื่องของวิถีชีวิตในท้องถิ่นของตน.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี